คลายกังวลสงครามการค้า

คลายกังวลสงครามการค้า

SET Index ศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น จากความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนเป็นไปในทิศทางที่ดี

ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ช่วยหนุนกลุ่ม ENERG นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้น CPALL หลังมีข่าวว่าจะรุกตลาดที่กัมพูชา-ลาว ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,659.20 จุด (+11.88 จุด) Volume 5.1 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  3,280.04 ลบ. TFEX Net +2,223 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ +689 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปิดบวก 181.18 จุด ขานรับแนวโน้มสหรัฐ-จีนบรรลุข้อตกลงการค้า

+น้ำมัน WTI ปิดบวก 30 เซนต์ รับความหวังข้อตกลงการค้า,จำนวนแท่นขุดเจาะลดลง

+"ทรัมป์"ยืนยัน สหรัฐเลื่อนเวลาการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน หลังเจรจาสองฝ่ายคืบหน้า

+เฟดย้ำจะอดทนต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะภาวะการเงินสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐน้อยลง

+เงินเฟ้อยูโรโซนเดือนม.ค.ชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 หลังราคาพลังงานซบเซาต่อเนื่อง

-EU ขู่ยุติเจรจาการค้า หากสหรัฐตั้งกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรป

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ  YTD 8.7 พันล้านบาท ค่าเงินบาท 31.31 บาท/US

*วันที่ 27 ก.พ.ศาลรธน.นัดชี้ชะตาพรรค ไทยรักษาชาติ

คาดดัชนี SET วันนี้มีโอกาสเดินหน้าต่อตามทิศทางตลาดดาวโจนส์และราคาน้ำมัน  โดยเฉพาะข่าวดีที่สหรัฐจะเลื่อนเวลาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,670 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • FTSE Large Cap : HMPRO* GULF EA MINT MAKRO BEM, DIF
  • FTSE Mid Cap MTC* GPSC
  • หุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง VGI PLANB MACO CPALL MAKRO BJC TKS
  • ขยายเวลา VOA AOT CENTEL ERW
  • High Div : KAMART SIRI SNC ORI DIF BTSGIF SC MC AIT QH KKP TKS

       *ผลตอบแทน YTD น้อยกว่าดัชนี

หุ้นแนะนำพิเศษ

SYNEX Analyst Meeting ราคาปิด 13.50 บาท Bloomberg Consensus 16.08 บาท “ซื้อลงทุนระยะยาว”

รายงานกำไรงวดปี 61 เท่ากับ 721.5 ลบ. +15.7%YoY เติบโตจากสินค้าทุกรายกลุ่มผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม %GPM ปี 61 อยู่ที่ระดับ 4.24% -19 Basis point YoY จากการเพิ่มพอร์ตกลุ่มสินค้าสมาร์โฟนที่มีมาร์จิ้นต่ำ แต่ถูกชดเชยด้วย %SG&A ที่ปรับตัวดีขึ้น -11 Basis point YoY มาอยู่ที่ระดับ 2.28% ส่งผลให้ %NPM ทรงตัวที่ระดับ 1.9%

แนวโน้มปี 62 : ผบห. วางเป้ารายได้เติบโตราว 12-15% เน้นกลยุทธ์เจาะกลุ่มตลาดใหม่ที่กำลังโต อาทิเช่น  1) Gaming 2) Security 3) Cloud Service และ 4) IoT Vertical ขณะที่ สินค้าสมาร์ทโฟน แบรนด์ neffos Huawei Samsung และ Apple คาดว่าจะมีออกผลิตภัณฑ์ใหม่รวม 9 รุ่นซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังหาพันธมิตรแบรนด์ใหม่ได้อีก 12 แบรนด์

ประเด็นที่น่ากังวล คือ ปัจจุบัน D/E Ratio ค่อนข้างสูงที่ 2.79x และหากบริษัทฯ ต้องการขยายการเติบโต ซึ่งจะมาพร้อมกับการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น และตามมาด้วยการขอกู้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะยิ่งเพิ่มภาระทางการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากระแสเงินสดของบริษัท ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากมีการขอกู้ไว้กับทางธนาคารแล้วอีกราว 1,500 ลบ. พร้อมกับกำลังเจรจากับ Huawei ในการขยาย Credit term คาดรู้ผลราวเดือน มี.ค.62

ถึงแม้มีประเด็นกดดันข้างต้น อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองบวกในระยะยาว ทั้งการเติบโตของอุตสาหกรรม ความเป็น IT Distributor รายใหญ่สุดในประเทศไทย รวมถึงผลประกอบการในอดีตที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 62 ราว 775.3 ลบ. +7.46%YoY “ซื้อลงทุนระยะยาว”

* บริษัทประกาศวันที่  XD 11 มี.ค.62 (จ่ายปันผลในรูปเงินสดที่ 0.34 บาทต่อหุ้น และหุ้นปันผลในอัตรา 10 : 1)

  • TACC ราคาปิด 3.04 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท “ซื้อลงทุนระยะยาว”

รายงานรายได้งวดปี 61 เท่ากับ 1,295 ลบ. +0.47%YoY ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ที่ราว 1,280 ลบ. อย่างไรก็ตาม กำไรงวดปี 61 เท่ากับ 71.29 ลบ. (-36.6%YoY) ต่ำกว่าที่เราคาดที่ 85 ลบ.เนื่องจากใน 4Q61 บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายพิเศษในการตัดหนี้สูญในบัญชีลูกหนี้ต่างประเทศที่กัมพูชา โดยภาพรวมทั้งปี 61 ยอดขายภายในประเทศยังเติบโตดี แต่ยอดขายในต่างประเทศลดลง จากการหยุดขายผลิตภัณฑ์ตรา “เซนย่า” ที่กัมพูชา ประกอบกับ ถูกกดันด้วยภาษีน้ำตาล

ปัจจัยบวกปี 62 ผลประกอบการยังคงเติบโตตามสาขา 7-11 ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการเข้าไปขายสินค้าที่กัมพูชากับอีกครั้งด้วย Distributor รายใหม่ อย่างไรก็ตาม อาจมีประเด็นกดดันด้านต้นทุนสินค้า จากการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำตาลรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนสูตรใช้สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาลแล้ว แต่จะมีผลิตภัณฑ์บางรายการที่ไม่สามารถปรับสูตรได้ อาทิ เครื่องดื่ม Hershey’s โดยเราประมาณกำไรปี 62 ราว  111 ลบ. +56.3%YoY “ซื้อลงทุนระยะยาว”

หุ้นมีข่าว   

PSH Analyst Meeting (ราคาปิด 18.70 บาท Bloomberg consensus 19.94 บาท)

·         ปี 61 มีกำไรสุทธิ 6,022 ลบ. +10% แม้มีรายได้ 4.5  หมื่นลบ. +2% และ %GP ทรงตัวที่ 35.8% แต่ %SG&A ลดเหลือ 18.7% จาก 19.4% ในปี 60 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับดีขึ้นสู่ 13.4% จาก 12.4% ในปี 60 ทั้งนี้ ยอดขาย presale ที่ทำได้ 5.1 หมื่นลบ. +7.5% หนุน backlog ปลายงวดแข็งแกร่งที่ 3.3 หมื่นลบ.ส่วนที่จะโอนในปีนี้ราว 2.1 หมื่นลบ.คิด 65% บริษัทมองว่าตลาดที่อยู่อาศัยปี 62 เติบโตไม่เกิน 5% จากผลกระทบเรื่อง LTV และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น  แผนงานปี 62 ตั้งเป้ายอดขาย presale 5.4 หมื่นลบ. +6% เป้ารายได้ 4.7หมื่นลบ. +5% เปิดโครงการใหม่ 55 โครงการมูลค่า 6.81 หมื่นลบ. โดยจะเพิ่มพอร์ตระดับราคา 5-10 ลบ.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ LTV น้อย

บริษัทยังคงแผนเปิดโรงพยาบาลราว 4Q63 ระหว่างนี้ได้เปิดบริการคลินิกในชุมชนเพื่อเป็นฐานลูกค้าในอนาคต เปิดบริการแห่งแรกที่คลอง 3 จ.ปทุมธานีเมื่อเดือนธ.ค.61 ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลช่วงแรกยังขาดทุนจากคชจ.ด้านบุคลากร คาดจะเริ่มเห็นกำไรในปี  2567

ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมอง neutral จากภาพรวมอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตเล็กน้อย  ขณะที่ผลการดำเนินงานยังมีศักยภาพในการเติบโตแบบทรงตัว Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 62 เฉลี่ย 6 พันลบ. ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ yield สูงน่าสนใจจากที่ประกาศจ่ายเงินสดปันผลหุ้นละ 1 บาท yield 5.3% XD 11 มี.ค. วันจ่าย 22 พ.ค.

ASIAN Analyst Meeting ราคาปิด 7.75 บาท

·         ปี 61 มีกำไรสุทธิ 362 ลบ. ลดลง 13% โดยมีรายได้ 9.6 พันลบ.ทรงตัวแม้ยอดขายกลุ่มธุรกิจสัตว์น้ำลดลงแต่รายได้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตมาช่วยชดเชย %GP ลดเหลือ 11.7% จาก 12% ในปี 60 ค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง และคชจ.ภาษีที่สูงขึ้น บริษัทประกาศจ่ายเงินสดปันผลหุ้นละ 0.25 บาท yield 3.2% XD 3 พ.ค. วันจ่าย 21 พ.ค.

ล่าสุดบริษัทเปิดตัวแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง “มองชู”พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันที่ 32-33% รองรับภาพรวมธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีศักยภาพในการเติบโต  โดยมีแผนเจาะตลาดประเทศจีนที่มีศักยภาพเติบโตสูง   ส่วนแผนงานปี 62 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 11% โดยเป้าเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์น้ำที่ราว 20% รองลงมาเป็นธุรกิจอาหารสัตว์เติบโต 16% 

ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมอง “Neutral” จากปัจจัยบวกเรื่องกลุ่มประเทศ EU ปลดสถานะใบเหลืองให้ประเทศไทยทำให้มีโอกาสในการส่งออกได้มากขึ้น  แต่มีปัจจัยกดดันจากวัตถุดิบปลาหมึกมีราคาแพง ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำมีการแข่งขันสูง ปริมาณขายปลาทรายค่อนข้างจำกัดเนื่องจากมีตลาดเฉพาะประเทศญี่ปุ่น  รวมทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลกระทบต่อการแข่งขันด้านราคา

·         SPA (ราคาปิด 14.00 "ถือ" ราคาเหมาะสม 14.00) รายงานกำไรสุทธิปี 61 ที่ 206 ลบ. +17%YoY โดยบริษัทเติบโตตามรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้นราว 20%YoY สู่ 1,152 ลบ. จากการขยายสาขาในประเทศจำนวน 10 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ที่ต่างประเทศจำนวน 5 สาขาแบ่งเป็นในจีน 2 สาขา และกัมพูชา 3 สาขา โดยบริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิให้ใกล้เคียงเดิมได้ที่ 18% ล่าสุดบริษัทมีมติเห็นชอบเข้าทำสัญญา Franchise Agreement ให้กับผู้ประกอบการ Living square ในประเทศพม่า เป็นระยะเวลา 5 ปี และสามารถขยายต่อไปได้อีก 5 ปี โดยแบ่งชำระเป็น 2 ส่วน คือ Lump-sum(แบบจ่ายเงินก้อน) และ Monthly Franchise Fee (คิดตามสัดส่วนรายได้ต่อเดือน)

·         ความเห็น กำไรสุทธิปี 61 ต่ำกว่าที่เราคาด 4% เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยยังคาดกำไรปี 62 ราว 255 ลบ. เติบโต 24% ซึ่งคาดจะได้รับปัจจัยบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่พลิกกลับเติบโตใน 1Q62

 

·         +BIZ ตั้งเป้ารายได้ปี 62 โตไม่ต่ำกว่า 10% มีงานในมือกว่า 1.6 พันลบ.รับรู้ปี 62-63

·         +ADVANC เผยอนุญาโตฯ มีมติยกคำเสนอข้อพิพาทของ TOT กรณีโอนย้ายลูกค้าเรียกชดใช้ 3.3 หมื่นลบ.

·         +PTTEP ฤกษ์ดีวันนี้! จรดปากกาเซ็นสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจและผลิตปิโตรเลียม “เอราวัณ-บงกช” หลังชนะประมูลปลายปี 61 ฟาก PTT ย้ำแผน 5 ปี (62-66) อัดงบ 167,114 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจตามแผน (ที่มาข่าวหุ้น)

·         รฟท.นัดกลุ่มซีพี 5 มี.ค.รับทราบปฏิเสธข้อเสนอใหญ่ 12 ข้อ และให้คำตอบเจรจาต่อหรือไม่

·         บอร์ด กทพ.เบรกเจรจา BEM ขยายสัมปทานทางด่วนแลกคดีพิพาท รอเช็คขอเสนอนำเงิน TFF ชดใช้