'วอยซ์ทีวี' เฮ! ชนะคดีฟ้อง กสทช.สั่งจอดำ 15 วัน
ศาลปกครองกลาง สั่งเพิกถอนมติ กสทช. ชี้ สั่งลงโทษจอดำวอยซ์ทีวีไม่ชอบ ขณะที่คดียังอุทธรณ์ได้อีก แต่ศาลให้คำสั่งคุ้มครองวอยซ์รัยรายการได้จนกว่า มติ กสทช.สิ้นผล ศาลปกครอง ยกเคสวอยซ์ ทำคดีด่วนเสร็จเร็วตาม ก.ม.ใหม่
เมื่อวันที่ 27 ก.พ.62 ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 16.00 น. ได้อ่านคำพิพากษาฟ้องจอดำวอยซ์ทีวี ในคดีหมายเลขดำ 258/2562 ซึ่งศาลตัดสินเป็นคดีหมายเลขแดง 208/2562 โดย "บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด" เป็นผู้ฟ้อง "คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช." และสำนักงาน กสทช. เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 กรณี กสทช.ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 3/2562 เมื่อวันที่ 12 ก.พ.62 พักใช้ใบอนุญาต การให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล เป็นเวลา 15 วัน เนื่องจากการออกอากาศรายการของ "บจก.วอยซ์" ผู้ฟ้อง รวม 5 รายการ คือ
1.Tonight Thailand เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.61 เวลาประมาณ 21.05 น. ในหัวข้อ สุดารัตน์ระอา ทหาร-ตร. ยังตามประกบลงพื้นที่ 2.การออกอากาศรายการ Wake Up News เมื่อวันที่ 21 ม.ค.62 เวลาประมาณ 07.05 น. ในหัวข้อ 10 เรื่องที่คนไทยกังวลใจเกี่ยวกับการเมืองไทย หัวข้อ รปช.ติงชัชชาติไม่รู้จริงเรื่องข้าว และหัวข้อ เฉลิมเชื่อพรรค 3 ฝ่าย ปชต. กวาด 300 ที่นั่ง 3.วันที่ 22 ม.ค.62 ออกอากาศ ในหัวข้อ ทักษิณสอนมวยรัฐบาลแก้ปัญหาฝุ่นละออง 4.วันที่ 28 ม.ค.62 เวลาประมาณ 07.54 น. ในหัวข้อ เสรีพิศุทธิ์ ปลุก ปชช. เอา ปชต. คืนมา 5.วันที่ 29 ม.ค.62 ออกอากาศในหัวข้อ สุดารัตน์เปิด 5 แนวทางกระเป๋าตุง หัวข้อ ชัชชาติ ประกาศดัน 6 ยุทธศาสตร์สู่ไทยยั่งยืน และหัวข้อ กกต. กดสื่อจัดผังหาเสียงคาดมี 45 พรรคส่งสมัคร ส.ส.
โดย "ศาลปกครองกลาง" วินิจฉัยข้อเท็จจริงแบะข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า ผู้ดำเนินรายการพิพาทดังกล่าวนั้น ได้เสนอข่าวสารในเชิงวิเคราะห์ทางการเมือง โดยผู้นำเสนอรายการ จะรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวในขณะนั้น มาเรียบเรียงเนื้อหาและกำหนดรูปแบบวิธีการเสนอข่าวให้เป็นที่สนใจของประชาชน และมีการวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ นโยบายของพรรคการเมือง , ผู้นำพรรคการเมือง , ผู้นำรัฐบาล ซึ่งผู้ดำเนินรายการ ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายสาธารณะ รและบุคคลสาธารณะตามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม แม้การแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการพิพาทนั้น จะมีเพิ่มเติมไปจากแหล่งข่าว รวมทั้งมีการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตามที่กสทช.ผู้ถูกฟ้องที่ 1 กล่าวอ้าง แต่การกระทำดังกล่าว ก็ยังฟังไม่ได้ถึงขนาดที่จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ , หน่วยงานของรัฐ หรือผู้นำรัฐบาล ส่วนการดำเนินรายการดังกล่าวจะมีปัญหาด้านจริยธรรมหรือไม่นั้น ย่อมเป็นหน้าที่ขององค์กรสภาวิชาชีพดำเนินการตรวจสอบ การแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการที่เพิ่มเติมไปจากแหล่งข่าว รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของผู้ฟ้องในรายการทั้ง 5 รายการพิพาท ดังนั้นจึงไม่ถึงขนาดเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร
อีกทั้งไม่ปรากฏว่า "สำนักงาน กสทช." ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ได้เสนอว่า การออกรายการของผู้ฟ้องดังกล่าวเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือไม่อย่างไร และไม่ปรากฏว่า "กสทช." ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ได้พิจารณาในประเด็นความเสียหายอย่างร้ายแรงก่อนมีมติออกคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดีเช่นกัน
ดังนั้นการที่ "กสทช." ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีมติ ให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ของ บจก.วอยซ์ทีวี ผู้ฟ้อง จึงไม่ชอบตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 64 ประกอบมาตรา 16 , 37 และข้อ 20 ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 และข้อ 22 ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง พ.ศ. 2556
"ศาลปกครองกลาง" จึงพิพากษา ให้เพิกถอนมติของ "กสทช." ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่กำหนดโทษทางปกครองให้พักใช้ใบอนุญาตฯ ของ ช่องรายการวอยซ์ ทีวี ของผู้ฟ้อง เป็นเวลา 15 วัน นับตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 13 ก.พ.62 โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่มีมติ ส่วนคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวของศาล เมื่อวันที่ 15 ก.พ.62 ที่ให้สามารถออกอากาศได้นั้น ก็ให้มีผลต่อไปจนกว่ามติของ "กสทช." ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ดังกล่าว จะเป็นอันสิ้นผลตามเงื่อนไขระยะเวลาที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ "นายประวิตร บุญเทียม" ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ในฐานะโฆษก ศาลปกครอง ได้เปิดเผยว่า คดีนี้ "อธิบดีศาลปกครองกลาง" มีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วน ตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ข้อ 49/2 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมตามระเบียบฯ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 6 ก.พ.62
"นับเป็นคดีแรก ที่ศาลปกครองได้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วนตามระเบียบดังกล่าว ที่กำหนดให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วนได้หากมีกฎหมายกำหนดเวลาการพิจารณาพิพากษา หรือเหตุอื่นใดที่การดำเนินกระบวนพิจารณาตามขั้นตอนปกติอาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรืออาจเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ"
โฆษกศาลปกครอง ระบุ "นายประวิตร" โฆษกศาลปกครอง กล่าวอีกว่า คดีนี้ บจก.วอยซ์ ทีวี ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 14 ก.พ.62 และเมื่อวันที่ 15 ก.พ.62 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ กสทช. ที่พักใช้ใบอนุญาตฯไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
หลังจากนั้น ศาลปกครองกลางได้นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก วันที่ (27 ก.พ.) เวลา 10.00 น. และในวันเดียวกัน เวลา 16.00 น. ศาลปกครองกลาง ก็ได้มีคำพิพากษาคดีนี้
"การมีคำสั่ง ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วนดังกล่าว มีผลทำให้ศาลสามารถดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นในวันเดียวหรือต่อเนื่องกันไปโดยลดระยะเวลาต่าง ๆ ที่กำหนดไว้เดิม แต่การดำเนินกระบวนพิจารณาก็ต้องให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีโอกาสให้การและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล รวมทั้งยังคงต้องมีตุลาการผู้แถลงคดีให้ความเห็นทางคดีต่อองค์คณะด้วย จึงไม่เป็นการลดทอนสิทธิของคู่กรณีตามที่มีอยู่เดิมและไม่ทำให้เสียความเป็นธรรมแต่อย่างใด" โฆษกศาลปกครอง กล่าวอธิบายขั้นตอน
อย่างไรก็ดี ตามกฎหมาย หากคู่กรณีที่ไม่พอใจในผลแห่งคำพิพากษา ก็มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน