ประธานสภาองค์การนายจ้างแสดงความเห็นปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 2 บาท
ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยแสดงความเห็น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 2 บาท นายจ้างยังรับได้
จากกรณีคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองค่าจ้างขั้นต่ำ มีมติให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-10 บาท โดยจังหวัดภูเก็ต ชลบุรี เล็งขึ้น 10 บาท จะส่งผลมีค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดของประเทศในอัตรา 340 บาท ตามด้วยจังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ เพิ่มขึ้น 10 บาทเช่นกัน จังหวัดชลบุรี เสนอปรับขึ้น 7 บาท จังหวัดสิงห์บุรี ระยอง เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ระยอง สมุทรสาคร นครราชสีมา ปรับเพิ่มขึ้น 5 บาท จังหวัดนราธิวาสและชัยภูมิ ปรับขึ้น 4 บาท ส่วนที่จังหวัดราชบุรี สุราษฎร์ธานี และเพชรบูรณ์ ปรับขึ้น 3 บาท รวมแล้วค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 335 บาทเท่ากัน โดยจะเสนอให้คณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งมี นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิจารณา เพื่อบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562 ที่จะถึงนี้ ปรากฏว่า มีนายจ้างออกมาคัดค้านการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่ 49 จังหวัด ซึ่งอนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดไม่มีการเสนอให้เพิ่ม แต่คณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองฯ เห็นชอบให้ปรับเพิ่มขึ้น 2 บาท และใน 49 จังหวัดที่ไม่เสนอเพิ่มตัวเลข หากนายจ้างค้าน ให้ไปว่ากันในบอร์ดค่าจ้าง
นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการบริหาร-การพัฒนาธุรกิจ บริษัท สยามอีสเทิร์น อินดัสเตรียลพาร์ค กล่าวว่า จากกรณีคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองค่าจ้างขั้นต่ำ มีมติให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-10 บาท ในมุมมองของผมเห็นว่า ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นในเร็วๆ นี้ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ การที่อัตราค่าจ้างควรจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมนั้น เราจะปรับตามสถานการณ์ในสภาวะเศรษฐกิจเงินเฟ้อนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่การปรับค่าแรงนั้นก็ควรอยู่ในพื้นฐานที่ไม่ก้าวกระโดดจนเกินไป เพราะว่าจะส่งผลกระทบกลับมาถึงลูกจ้างเอง เนื่องจากการที่ปรับค่าจ้างขั้นต่ำสูงจนเกินไปนายจ้างจะเปลี่ยนไปใช้หุ่นยนต์ AI หรือ Robot เข้ามาแทนที่ อันจะนำไปสู่การลดอัตราการจ้างแรงงาน นั่นก็คือการลดลูกจ้างนั่นเอง ซี่งน่าจะก่อให้เกิดปัญหามากกว่า ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ที่จริงแล้ว ถ้านายจ้างอยู่ได้ลูกจ้างก็จะอยู่ได้ ถ้าธุรกิจยังคงดำเนินอยู่ได้อย่างดี ก็จะทำให้มีผลผลิตที่มากขึ้นเเละส่งผลดีขึ้นตามมา นายจ้างก็จะได้รับผลประกอบการที่น่าพอใจ ธุรกิจก็คงดำเนินต่อไป ไม่มีปัญหา ซึ่งการจ้างงานก็ยังคงเดิม ไม่มีการลดพนักงาน ไม่มีการเลิกจ้างงาน ก็จะส่งผลไปถึงโบนัส หรือเงินรางวัลชดเชย สวัสดิการต่างๆก็เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการอีกด้วย ทำให้นายจ้างจ้างงานอย่างสบายใจ ลูกจ้างทำงานอย่างมันคง ส่งผลดีทั้ง2ฝ่าย ส่วนค่าแรงขั้นต่ำ 2 บาทที่ปรับขึ้นมีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562 นี้ ผมมีความเห็นว่าเห็นว่านายจ้างยังพอรับได้ แต่ที่อยากฝากไว้คืออยากให้ลูกจ้างมีการพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นมาด้วยเพื่อจะได้สร้างความมั่นคงให้กับตัวลูกจ้างเองด้วยเช่นกัน ถ้าค่าแรงปรับขึ้นในขณะที่ฝีมือแรงงานปรับขึ้นตามมาด้วย นายจ้างก็จะได้ประโยชน์ตามมาด้วย.