กรมอนามัย ยกร่างยุทธศาสตร์ตาม พ.ร.บ.นมผง มุ่งปกป้องเด็กไทยได้กินนมแม่
กรมอนามัย ยกร่างยุทธศาสตร์ตาม พ.ร.บ.นมผง มุ่งปกป้องเด็กไทยได้กินนมแม่
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัยได้จัดทำร่างยุทธศาสตร์ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก โดยมุ่งเน้นให้เด็กไทยได้รับการปกป้องสิทธิ ให้ได้รับอาหารที่ดีและเหมาะสมที่สุด ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กในประเทศไทยให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งมีร่างประเด็นยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสื่อสารสาธารณะเกี่ยวกับการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก ประกอบด้วย 1. มีข้อมูลวิชาการ องค์ความรู้ สถานการณ์เกี่ยวกับการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อสื่อสารสู่สาธารณะและเพื่อประกอบการพัฒนาปรับปรุงกฎหมา 2. แม่และครอบครัวรู้ว่าตนเองมีสิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องรอบด้าน เพื่อการตัดสินใจเลือกอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กโดยปราศจากอิทธิพลของการส่งเสริมการตลาด 3. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพ.ร.บ.เพื่อปฏิบัติตามข้อกฎหมายได้ และ 4.ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่ายและตัวแทนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติเพื่อปฏิบัติตามข้อกฎหมายได้
“ยุทธศาสตร์ที่ 2 ระบบเฝ้าระวังเชิงรุกและเชิงรับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1.กลไกการเฝ้าระวังเชิงรุกและเชิงรับชัดเจนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. พนักงานเจ้าหน้าที่และผู้รับผิดชอบมีศักยภาพและรู้บทบาทตัวเองเพื่อให้สามารถดำเนินงานตามแผนในระบบเฝ้าระวังเชิงรุกและเชิงรับ และ 3. เครือข่ายภาคประชาสังคมมีความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติ และมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง และยุทธศาสตร์ที่ 3 ระบบการบริหารจัดการและบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1.กลไกการบังคับใช้ชัดเจนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคู่มือ/เครื่องมือ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย และ 2. กลไกบริหารจัดการและประเมินผลกรมอนามัยมีการจัดทำรายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตัดสินดำเนินคดีประจำปีแก่คณะกรรมการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและ เด็กเล็ก (คสตท.)” แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า ร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าวคณะอนุกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบ ในหลักการ แต่เพื่อให้ยุทธศาสตร์มีความสมบูรณ์จึงต้องให้คณะทำงานนำกลับไปปรับแก้ใหม่ พร้อมทั้งระดมสมองจากผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมก่อนที่จะนำเข้าให้ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กได้พิจารณาเห็นชอบต่อไป