หวั่น 'อหิวาต์แอฟริกา' กระทบอุตสาหกรรมหมูไทยกว่า 2 แสนล้าน
"สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ" จับมือประเทศเพื่อนบ้านป้องกันอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ขอรัฐเร่งยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ หวั่นกระทบอุตสาหกรรมหมูไทยมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท
น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และประธานสหกรณ์การเกษตรปศุสัตว์ราชบุรี จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) ที่กำลังระบาดในเวียดนามในขณะนี้ว่า สมาคมฯ ร่วมกับภาคผู้ประกอบการเลี้ยงสุกร เกษตรกร และภาครัฐโดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกัน ASF โดยออกหลายมาตรการเข้มงวดกวดขันในการเฝ้าระวังโรคอย่างเต็มที่ โดยกรมปศุสัตว์ออกประกาศ 5 ภาษา ติดประกาศตามด่านชายแดนและท่าอากาศยานทุกแห่ง “ห้ามนำเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมูเข้าสู่ประเทศไทย” หากฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ การร่วมหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว ที่แสดงเจตจำนงในการร่วมมือดูแลด่านกักกันโรคจำนวน 4 ด่านที่ติดกับประเทศลาว ที่ถือเป็นช่องทางผ่านของโรคที่อาจติดมาจากประเทศจีนที่มีการระบาดของโรค โดยในลาวนั้นมีคนจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากมาย ส่วนอีก 1 ด่าน ที่ติดกับกัมพูชาก็บูรณาการร่วมกันป้องกันอย่างเข้มงวด
ผู้เลี้ยงหมูทุกคนหวังอย่างยิ่งให้ไทยเป็นประเทศที่หลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ของโรค ASF เพราะมีหลายประเทศที่สามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ Biosecurity ในระดับสูง ขอขอบคุณรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะยกระดับเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ
ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอครม.อนุมัติงบประมาณในกรอบระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี และมีแผนเตรียมความพร้อมรับมือด้วย 8 มาตราการ ใน 3 ระยะ ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างแท้จริง เพราะหากภาคอุตสาหกรรมสุกรมีปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคผู้ผลิตพืชไร่ ซึ่งตลอดห่วงโซ่การผลิตสุกรมีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาท ที่อาจได้รับความเสียหาย ทำให้ประเทศชาติมีปัญหาในภาพรวม และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจต้านภัย ASF ที่สำคัญขอย้ำว่าหมูไทยปลอดภัยบริโภคได้อย่างมั่นใจ 100%” น.สพ.วิวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้ลงพื่นที่ตรวจสอบความพร้อมในการสร้างศูนย์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อยานพาหนะสำหรับขนส่งปศุสัตว์ที่ด่านกักสัตว์ชายแดน ใน 5 จังหวัดเป้าหมาย เพื่อเป็นปราการป้องกันโรคตามแนวชายแดนจากประเทศลาวและกัมพูชา แต่ละด่านใช้งบ 1 ล้านบาท โดยสมาคมฯสร้างศูนย์ 1 แห่งที่ริมทางหลวงใกล้ด่านกักกันสัตว์ จ.หนองคาย และอีก 4 ศูนย์ฯ ได้รับการสนับสนุนจาก บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ ดำเนินการสร้าง 2 แห่ง ที่ด่าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย และด่านจ.มุกดาหาร
ส่วน บจ.เบทาโกร สร้างที่ด่านกักกันสัตว์ จ.นครพนม และ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป สร้างที่ด่านปอยเปต จ.สระแก้ว เพื่อยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและป้องกันโรคอหิวาต์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญและเร่งรีบ หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จจะมอบศูนย์ทั้ง 5 แห่งให้กับราชการ โดยกรมปศุสัตว์เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการดูแลความเข้มแข็งด้านปศุสัตว์ต่อไป ขณะเดียวกัน ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ สมาคม นักวิชาการ และภาคเอกชน ได้เดินหน้าสร้างความตระหนักและตื่นตัวในการช่วยกันป้องกัน ASF ในทุกช่องทาง