เพื่อนโจรจี้รถขนเงิน โร่นำเงินคืนตร. หลังทำความสะอาดห้องพักได้2แสน
นครบาลตามเงินคืนได้ 4.3 ล้าน เผยเพื่อนโจรจี้รถขนเงิน โร่นำเงินคืนตร. หลังดูแลทำความสะอาดห้องพักได้2แสน หลงเชื่อได้เงินมรดกจากลุง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 มีนาคม 2562 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ( บก.สส.บช.น.) นายมงคลชัย เหมือนแม้น หรือ เบล อายุ 25 ปี พร้อมด้วย นายนราธร ประสิทธิ์ หรือเต้ย อายุ 22 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. เพื่อนำเงินจำนวน 138,000 บาท ที่ได้จากการกระทำความผิดของนายจิรายุส สวนมิ หรือ แบงค์ อายุ 20 ปี กับ นายทักษ์ดนัย เหนี่ยวรั้งใจ หรือ กอล์ฟ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีชิงเงินรถขนเงินของบริษัท BRINKS พื้นที่ สน.หนองค้างพลู เมื่อวันที่ 23 ก.พ. มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน
นายมงคลชัย เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกับนายจิรายุส และ นายทักษ์ดนัย ตั้งแต่เด็ก โดยเมื่อวันเมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายจิรายุสและนายทักษ์ดนัย ได้ชักชวนตนและนายนราธร ไปทำความสะอาดห้องเช่าภายในซอยบางบอน 4 โดยนายทักษ์ดนัยได้บอกกับตนว่าจะย้ายเข้ามาพักที่ห้องดังกล่าว จึงขอให้มาช่วยกันทำความสะอาด ในระหว่างทำความสะอาดห้อง ตนได้เปิดตู้เสื้อผ้าพบกระเป๋าสีดำ จึงเปิดดูก็พบเงินจำนวนมาก โดยนายจิรายุส บอกกับตนว่า เป็นเงินที่ได้จากมรดกที่ลุงให้ จากนั้นนายทักษ์ดนัย จึงได้แบ่งเงินให้ตนจำนวน 200,000 บาท และ นายนราธรอีก 200,000 บาท ซึ่งตนก็เชื่อว่าเงินดังกล่าวเป็นของมรดกจริง จึงรับเงินมา
นายมงคลชัย เปิดเผยว่า หลังจากทำความสะอาดห้องและรับเงินเสร็จ จึงได้แยกย้ายกัน โดยนายทักษ์ดนัยและนายจิรายุส ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า PCX สีน้ำเงินออกไปและไม่ได้มีการติดต่อกันอีกเลย ทั้งนี้ หลังจากที่ได้เงินมา ตนก็นำไปเที่ยวและใช้จ่ายตามปกติกระทั่ง กระทั่งทราบข่าวการจับกุมบุคคลทั้ง 2 จึงเชื่อว่าเงินที่ได้รับมานั้น น่าจะได้มาจากกระทำความผิด ตนและนายนราธร จึงประสานและเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ทางด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะต้องทำการสอบปากคำเพิ่มเติมและพิจารณาข้อกฎหมาย ว่าการนำเงินที่ได้จากผู้ต้องหาไปใช้นั้นมีความผิดหรือไม่ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการสืบสวนหาข่าว และติดตามเงินจำนวน 2,900,000 บาท กลับคืนมาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า นายจิรายุสและนายทักษ์ดนัย สองผู้ต้องหาในคดีนี้ หลังก่อเหตุได้มีการเคลื่อนย้ายสถานที่เก็บเงิน โดยครั้งแรกนำเงินไปซ่อนที่โรงแรมม่านรูดเกสเฮาท์ 64 จากนั้น ได้ย้ายเงินไปไว้ที่ห้องเช่าภายในซอยบางบอน 4 กระทั่ง ครั้งสุดท้ายคือห้องเช่าซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ 4/1-1 ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเงินที่คนร้ายจี้ไปกลับคืนมาได้แล้วจำนวน 4.3 ล้านบาท