กฟผ.จ่ออกทีโออาร์ โซลาร์ลอยน้ำเขื่อนสิรินธร

กฟผ.จ่ออกทีโออาร์ โซลาร์ลอยน้ำเขื่อนสิรินธร

กฟผ.เตรียมออกทีโออาร์โซลาร์ลอยน้ำเขื่อนสิรินธร ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาด 45 เมกะวัตต์ มูลค่าราว 2 พันล้านบาท ภายใน 15 พ.ค.นี้

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เตรียมออกประกาศเชิญชวนเอกชน (TOR) เข้ามาลงทุนติดตั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ (โซลาร์ลอยน้ำ) ร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการแรกที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาดราว 45 เมกะวัตต์ในวันที่ 15 พ.ค.2562 ใช้เงินลงทุนราว 2 พันล้านบาท โดยจะเปิดให้ยื่นซองประมูลสิ้นเดือน ก.ค.และน่าจะประกาศผู้ชนะภายในสิ้นเดือน ต.ค.2562 และคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในเดือน ม.ค.ปีหน้าและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในปลายปีหน้า

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2018) ในสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ได้มอบหมายให้กฟผ. ดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ หรือ Hydro-Floating Solar Hybrid รวมกำลังการผลิต 2,725 เมกะวัตต์ ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 ปี โดยให้นำร่องโครงการแรกที่เขื่อนสิรินธร ขนาด 45 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการไฮบริดแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จะช่วยให้เกิดความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับการคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อดำเนินการโครงการนำร่องเขื่อนสิริธรนั้น จะให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการในประเทศเป็นหลักเพราะในอนาคตกฟผ.ยังมีโครงการต่อเนื่องที่จะต้องดำเนินการให้ครบทั้งหมด 2,725 เมกะวัตต์ ก็จะเป็นตัวกระตุ้นผู้ประกอบการมาตั้งโรงงานผลิตแผงโซลาร์ Double glass ซึ่งเป็นพรีเมียมเกรดในประเทศไทยเพื่อใช้ในประเทศและส่งออก ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

9535883014029

ด้านนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวถึงแผนนำร่องโครงการโซลาร์ลอยน้ำที่เขื่อนสิรินธรใช้พื้นที่ผิวน้ำในการติดตั้ง 450 ไร่ ซึ่งเชื่อมโยงระบบพลังน้ำ โดยใช้ทรัพยากรร่วมกับเขื่อน ได้แก่ หม้อแปลง สายส่ง และสถานีไฟฟ้าแรงสูง เป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการระเหยของน้ำ ช่วยเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการน้ำ เสริมความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในระบบช่วงกลางคืนเพื่อลดการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการใช้พื้นที่ทางการเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์เนื่องจากมีอุณหภูมิต่ำที่ผิวน้ำ และเป็นจุดแลนมาร์คใหม่สำหรับการท่องเที่ยว

รายละเอียดโครงการเป็นการออกแบบติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดบนทุ่นลอยน้ำ และใช้แผงโซลาร์เซลล์ชนิด Double glass เนื่องจากมีความเหมาะสมกับสภาพการใช้งานที่วางแผงโซลาร์เซลล์ใกล้ผิวน้ำ ซึ่งมีความชื้นสูงและยังมีการเคลื่อนไหวของผิวน้ำตลอดเวลา

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. กล่าวว่า การพิจารณาคัดเลือกผู้เข้าดำเนินการดังกล่าวเบื้องต้น รมว.พลังงาน มอบหมายให้คัดเลือกผู้ประกอบการในไทยเป็นลำดับแรก และอาจจะมีคะแนนพิเศษให้กับผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศสูงสุด ซึ่งรายละเอียดจะมีการกำหนดออกมาพร้อมกับทีโออาร์ โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการในไทยที่ผลิตทุ่นลอยน้ำประมาณ 2-3 ราย ซึ่งรวมถึงในเครือบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ส่วนผู้ผลิตแผงโซลาร์ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อรองรับโซลาร์รูฟท็อป ส่วนผู้ผลิตแผงโซลาร์ Double glass ที่มีความเหมาะสมกับสภาพการใช้งานที่วางแผงโซลาร์เซลล์ใกล้ผิวน้ำนั้น อยู่ระหว่างการพัฒนายังไม่แล้วเสร็จ ประมาณ 3 ราย

ทั้งนี้โ ครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รวมกำลังการผลิต 2,725 เมกะวัตต์ จากทั้งหมด 16 เขื่อนใน