“นายเลิศกรุ๊ป” ขุดกรุแลนด์แบงก์ ลุยปั้นรายได้ "ไมซ์-อสังหาฯ"
หลังจากปิดตำนานโรงแรมสวิส โฮเต็ล ปาร์ค นายเลิศ ที่ดำเนินกิจการมากว่า 36 ปี เมื่อปี 2559 ชื่อของ “ปาร์ค นายเลิศ” ยังคงได้รับความสนใจว่าจะมีแผนเดินหน้าธุรกิจต่ออย่างไร
โดยเฉพาะการต่อยอดจาก “แลนด์แบงก์” ในมือ ที่น่าจับตาคือการใช้ประโยชน์จากที่ดิน 20 ไร่ซึ่งเหลือจากการตัดขายโรงแรมฯและอาคาร Promenade รวมที่ดิน 15 ไร่ย่านเพลินจิต ทำเลทองติดถนนวิทยุ ให้กับบริษัท บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จำกัด ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ด้วยมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท จนเป็นข่าวดังเมื่อเดือน ก.ย.ปี 2559
ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมบัติเลิศ จำกัด และนายเลิศ กรุ๊ป เล่าว่า สำหรับที่ดินส่วนที่เหลือ 20 ไร่ดังกล่าวซึ่งเป็นที่ตั้งของ “บ้านปาร์คนายเลิศ” มีเรือนไม้สักหลังใหญ่ใจกลางกรุง อายุกว่า 104 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส มีส่วนประกอบของโรงแรมและเรสซิเดนส์ระดับลักซ์ชัวรี บนพื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง ใช้เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการในอีก 2 ปีครึ่งนับจากนี้
โดยจะมีโรงแรมขนาด 50 ห้องพัก และคอนโดมิเนียมจำนวน 80 ยูนิต เปิดขายแบบ Lease Hold ระยะเวลา 30 ปี แต่ละห้องจะมีขนาดใหญ่ รองรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย เตรียมเปิดตัวว่าจะใช้แบรนด์ใดในปลายปีนี้
ส่วนที่ดินในมืออีกทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางจาก ตรงบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ซึ่งเช่าพื้นที่อยู่ในปัจจุบัน ในอดีตเคยเป็น “อู่จอดรถเมล์นายเลิศ” มีพระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ นายเลิศ เศรษฐบุตร เป็นผู้ริเริ่มกิจการรถโดยสารประจำทางสายแรกของกรุงเทพฯ เมื่อปี 2428 หรือ 134 ปีที่ผ่านมา รู้จักกันดีในนาม รถเมล์นายเลิศ หรือ รถเมล์ขาว โดยเตรียมขึ้นโครงการใหม่ พัฒนาเป็น “อาคารสำนักงานให้เช่า” (ออฟฟิศ ทาวเวอร์) ความสูง 30 ชั้น บนที่ดินแปลงสวยรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 10 ไร่ โดย 3 ชั้นล่างสุดจะพัฒนาพื้นที่ใช้สอยสำหรับค้าปลีก คาดเปิดให้บริการได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
“เราศึกษาศักยภาพของที่ดินแปลงนี้ซึ่งเคยเป็นอู่จอดรถเมล์นายเลิศแล้ว พบว่าไม่เหมาะกับการพัฒนาเป็นโรงแรม แต่เหมาะกับการพัฒนาเป็นออฟฟิศทาวเวอร์มากที่สุด เนื่องจากละแวกนี้ตั้งแต่โซนสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชจนถึงสถานีบางนาจะเป็นแหล่งงานใหม่ที่ขยายเพิ่มเติมในอนาคต”
ด้านโครงการโรงแรมใหม่ที่หัวหิน ได้ตัดสินใจชะลอไว้ก่อน เพราะปัจจุบันโรงแรมที่หัวหินมีเกิดขึ้นใหม่และแข่งขันกันสูงมาก ผลการดำเนินงานในช่วงสุดสัปดาห์ถือว่าดีก็จริง แต่ในวันธรรมดายังไม่ดีนัก จึงต้องปรับแผนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมว่าควรพัฒนาให้เป็นมากกว่าโรงแรม หรือในระดับ “เดสติเนชัน” จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเลยหรือไม่
ทายาทรุ่นที่ 4 ของปาร์คนายเลิศ เล่าเพิ่มเติมว่า ระหว่างการพัฒนาโครงการอสังหาฯ นายเลิศกรุ๊ปได้รุกขยายธุรกิจ “ให้เช่าสถานที่สำหรับจัดงานอีเวนท์และจัดเลี้ยง” เนื่องจากภายในปาร์คนายเลิศมีพื้นที่รองรับงานอีเวนต์ต่างๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เดอะ กลาสเฮาส์ (The Glass House) เรือนกระจกขนาดใหญ่ในบรรยากาศสวนอันร่มรื่น รองรับผู้เข้าร่วมงานได้มากถึง 300 คน เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนงานมาจัดที่นี่กว่า 100 งานแล้ว ขณะที่ มาคีย์ (Marquee) เต๊นท์ขาวขนาดใหญ่บนสนามหญ้า รองรับได้มากถึง 500 คน
เฉพาะผลการดำเนินงานธุรกิจอีเวนท์และจัดเลี้ยงของนายเลิศกรุ๊ปเมื่อปี 2561 มีจำนวนงานทั้งสิ้น 428 งาน ส่วนใหญ่เป็นงานแต่งงาน 50% รองลงมาเป็นงานอีเวนท์ของบริษัทและองค์กรต่างๆ 38% งานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ 8% และงานไพรเวทอีเวนท์อีก 4% สร้างรายได้เกินคาดกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ปี 2562 จากธุรกิจกลุ่มอีเวนท์และจัดเลี้ยงอีกไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการ 2 ร้าน ได้แก่ ร้านอาหารไทยโบราณ มา เมซอง และร้านอาหารตะวันตก เลดี้ แอล การ์เดน บิสโทร รวมถึงพิพิธภัณฑ์บ้านปาร์คนายเลิศ และอื่นๆ สร้างรายได้ในสัดส่วน 30%
ล่าสุด ได้เปิดตัวสถานที่สำหรับจัดอีเวนท์และงานเลี้ยงแห่งใหม่ใน จ.นนทบุรี ที่โครงการ “เดอะ ริเวอร์ วิลล่า” คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปิดมานานกว่า 21 ปี มีพื้นที่กว้างขวางถึง 25 ไร่ ส่วนต่างๆ ภายในโครงการสามารถจัดอีเวนท์ต่างๆ ได้หลายจุด และรองรับลูกค้าได้มากถึง 2,000 คน เป็นตัวเลือกใหม่ของการจัดงานประชุมสัมมนา (ไมซ์) ในเมืองนนท์ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น เกาะเกร็ด ที่บริษัทออร์กาไนเซอร์สามารถผนวกเข้ามาในโปรแกรมการจัดกิจกรรมได้