กลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้ง ล่ารายชื่อถอดถอน กกต
กลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้งได้จัดกิจกรรมตั้งโต๊ะบริเวณฟุตบาธ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงรายชื่อเพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยมีประชาชนประมาณ 100 คน เข้าร่วม
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 31 มีนาคม ที่ บริเวณด้านข้างโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ นายอนุรักษ์ เจนตวานิชย์ หัวหน้ากลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้ง และนายเอกชัย หงส์กังวาน พร้อมด้วยกลุ่มประชาชนคนอยากเลือกตั้ง และพี่น้องประชาชนประมาณ100 ได้จัดกิจกรรมตั้งโต๊ะบริเวณฟุตบาธ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงรายชื่อเพื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยบรรยากาศเป็นได้ด้วยความคึกคัก มีการชูป้ายข้อความถึงกกต. รวมไปถึงวิพากษ์วิจารณ์การเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งก็มีพี่น้องประชาชนเดินทางมาลงรายชื่อกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ มากั้นพื้นที่ไม่ให้เขาไปภายในโรงแรมฯ ขณะเดียวกันก็มีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมสถานการณ์รอบบริเวณ
โดยนายพัฒนา วรสาร หนึ่งผู้ที่มาร่วมลงรายชื่อถอดถอน กกต.ในครั้งนี้กล่าวว่า วันนี้ที่ออกมาร่วมลงรายชื่อเพื่อแสดงพลังเรียกร้องความยุติธรรม เพราะจากการดูข่าวจากออนไลน์หลายๆด้าน ก็จะเห็นในเรื่องของการนับผลคะแนนเลือกตั้ง คะแนนเขย่ง เรื่องการนับบัตรดีเป็นบัตรเสีย การจัดการเลือกตั้งมันดูไม่สมเหตุสมผล ดูแล้วส่อความไม่โปร่งใส หลังจากที่ประกาศผลการเลือกตั้งแบบไม่เป็นทางการก็ยังมีปัญเรืองจำนวนคนมาเลือกตั้ง จำนวนบัตรเลืกตั้ง และอีกอย่างคือการวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อทำให้ประชาชนงงไปหมด ซึ่งตนมองว่าถึง กกต.จะออกมาชี้แจ้ง หรือแจงการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อตนก็มองว่ามันเป็นการแก้ต่าง หรือแก้ตัวอยู่ดี ซึ่งถามว่าตอนนี้มีความเชื่อมั่น กกต.หรือไม่ ตนคิดว่าตอนนี้ไม่มีใครเชื่อมั่นกกต.แล้วนอกจากคนที่สนับสนุน กกต.เอง ทั้งนี้อยากฝาก กกต.ว่าหน้าที่ของ กกต.คือการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ เราเป็นประชาชนตัวเล็กๆทำอะไรไม่ได้ นอกจากการแสดงออกแบบนี้
ทางด้าน นายอนุรักษ์ กล่าวว่า การทำกิจกรรมวันนี้เพื่อที่จะเชิญชวนให้ประชาชน และน้องนักศึกษาที่ตื่นตัวอยู่แล้วมาร่วมลงรายชื่อถอดถอน กกต. เพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่แย่ และสกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เหมือนสมัยจอมพลป.พิบูลย์สงครามที่ประชาชนได้ประชาธิปไตยมาเพียงครึ่งใบเท่านั้นและตอนนี้เรากำลังย้องหลังไปกว่า62ปี
นายอนุรักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่ประชาชนนักศึกษาตื่นตัวในการลงชื่อถอดถอน กกต. นั้นจะมากหรือน้อย หรือสามารถถอดถอนได้ไม่สำคัญเท่าทำให้ประชาชนในสังคมได้รับรู้ว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นมีปัญหา มีความไม่โปรงใส จะเห็นได้ชั้นในเรื่องของการให้ตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้ง ถ้าเป็นข้อเรียกร้องจากฝั่งประชาธิปไตยเรื่องจะเงียบ แต่เมื่อเป็นการเรียกร้องของอีกฝ่ายเรื่องกับดำเนินเร็วมาก และอีกประเด็นที่ออกมาคือประชาชนกำลังสับสนว่า พรรคการเมืองใดชนะการเลือกตั้งกันแน่ ซึ่งตามหลังสากลคือพรรคที่ชนะการเลือกตั้งคือพรรคที่มีส.ส.ชนะการเลือกตั้งมากที่สุด ซึ่งก็คือพรรคเพื่อไทย ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากทหารก็อ้างว่าเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง เพราะมีได้คะแนนจากประชาชนมากกว่าพรรคเพื่อไทย สร้างความสับสนให้พี่น้องประชาชน ซึ่งตามหลังการสากลไม่มีประเทศไหนที่บอกว่าตนเองชนะการเลือกตั้งเพราะได้คะแนนเสียงจากประชาชนหรือป๊อปปูล่าโหวตมากที่สุด ปัญหานอกจากความสับสนของพี่น้องประชาชนแล้ว พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งกำลังทำให้เป็นผู้พ่ายแพ้ เนื่องจากรัฐบาลทหารสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ และอีกสักพักทหารจะเข้ามาแทรกแทรงผลการเลือกตั้งพลิกให้พรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้ง เราจึงอยากเรียกร้อง ข้อ1คือพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายชนะการเลืกตั้ง ข้อ2 เนียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทย เพราะจะทำให้เกิดการขัดแย้งทางการเมือง และข้อที่3 เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเคารพเสียงของประชาชนไม่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่น จะต้องเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคทั้ง3คนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการดำเนินกิจกรรม ทางกลุ่มผู้ทำกิจกรรมมีการกระทบกระทั้งกับเจ้าหน้าที่เล็กน้อยเนื่องจากกลุ่มผู้ทำกิจกรรมต้องการที่จะใช้เครื่องเสียง แต่ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่ได้มีการขออนุญาตให้เครื่องเสียงไว้ จากนั้นกลุ่มผู้ทำกิจกรรมจึงยื่นคำขาดว่าถ้าไม่คืนเครื่องเสียงจะเริ่มเดินขบวนลงไปที่ถนน จากนั้นนายอนุรักษ์ เจนตวานิชย์ แกนนำก็ได้เดินลงไปที่ถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเจรจา และดึงนายอนุรักษ์เข้ามาที่ฟุตปาธ ทำให้เกิดชุลมุน ประชาชนที่ให้รถหลายคันต่างบีบแต่รถส่งเสียงดังจนเจ้าหน้าที่ต้องรีบดึงตัวนายอนุรักษ์เข้ามาบนทางเท้าได้สำเร็จ และเจรจาว่าจะคืนเครื่องเสียงให้แต่ต้องทำกิจกรรมด้วยความสงบ และเลิกการทำกิจกรรมก่อนเวลา 20.00 น. ซึ่งทางผู้ทำกิจกรรมก็ยอมรับ และเริ่มเปิดเพลงทำกิจกรรมกัน
ด้าน พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า จากการประเมินกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมในวันนี้คาดว่าประมาณ 30 คน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความสงบเรียบร้อยจำนวน 80 นาย เป็นกำลังจาก สน.ลุมพินี กองร้อยควบคุมฝูงชน บก.น.5 และ กก.สส.บก.น.5 ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ทำกิจกรรมเจ้าหน้าที่พบว่ามีการกระทำความผิดคือการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้เมื่อวันเสาร์ทางกลุ่มผู้จัดกิจกรรมได้ทำการขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงที่สำนักงานเขต แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการจึงไม่สามารถขอได้ แต่ในวันนี้กลุ่มผู้จัดกิจกรรมกลับฝ่าฝืนมีการใช้เครื่องขยายเสียง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการลงไปกีดขวางการจราจร เบื้องต้นมีความผิดตามพ.ร.บ.การใช้เครื่องขยายเสียง มีอัตราโทษปรับ 200 บาท และ พ.ร.บ.จราจร อัตราโทษปรับ 1000 บาท โดยหลังจากเสร็จกิจกรรมก็จะเชิญตัวมาทำการเปรียบเทียบปรับต่อไป