'พาณิชย์' ยันไม่มีไอ้โม่ง เรียกรับผลประโยชน์ซื้อนำมันปาล์ม

'พาณิชย์' ยันไม่มีไอ้โม่ง เรียกรับผลประโยชน์ซื้อนำมันปาล์ม

"พาณิชย์" ชี้แจงมาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน ผลิตไฟฟ้าโรงไฟฟ้าบางประกง ขอให้มั่นใจทุกอย่างโปร่งใส

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯยืนยันมาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบจำนวน 160,000 ตัน เพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางประกง มีความโปร่งใสทุกขั้นตอนไม่มีไอ้โม่งได้รับผลประโยชน์ตามที่มีการนำเสนอข่าวว่ามีผู้ที่มีเจตนาไม่สุจริตแอบซ่อนเร้นรับผลประโยชน์จากนโยบาย ดังกล่าว ทั้งนี้มาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบจำนวน 160,000 ตัน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2561 โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงพลังงานในการจัดหาน้ำมันปาล์มดิบให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ซึ่งการจัดซื้อปาล์มน้ำมันทางคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ (เฉพาะกิจ) เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรการ โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธานอนุกรรมการ โดยได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อคัดเลือกผู้มีสิทธิจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. และกำกับดูแลการดำเนินการในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์


จากนั้น กระทรวงพลังงานได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบกิโลกรัมละ 18 บาท ณ ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง โดยให้ผู้ขายน้ำมันปาล์มดิบเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ขายน้ำมันปาล์มดิบต้องรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในราคากิโลกรัมละ 3.20 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด โดยในทางปฏิบัติคณะทำงานฯ ระดับภาคจะเป็นผู้ติดตามกำกับดูแลการดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งหากพบว่าไม่มีการปฏิบัติตามเงื่อนไข กฟผ. ก็จะไม่จ่ายเงินค่าน้ำมันปาล์มดิบ 10 % ของค่าน้ำมันปาล์มดิบที่ส่งมอบ แต่ในระยะแรกมีโรงงานสกัดฯ สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการน้อยราย จึงต้องขยายเวลารับสมัครถึง 5 ครั้ง จนถึงเดือนมีนาคม 2562


นางสาวชุติมา กล่าวว่า เนื่องจากน้ำมันปาล์มดิบจำนวน 160,000 ตัน ต้องทยอยขนส่งไปยังโรงไฟฟ้าบางปะกงซึ่งมีคลังเก็บได้ไม่มาก กฟผ. จึงรับน้ำมันได้เพียงวันละ 2,000 ตัน และรับได้เพียงวันเว้นวัน จึงมีผลให้ราคาตลาดไม่สามารถขยับขึ้นได้ เพราะยังมีน้ำมันในสต็อกของโรงสกัดฯ และปริมาณผลปาล์มน้ำมันที่ออกมากกว่าปกติ กระทรวงพาณิชย์ จึงเสนอที่ประชุม กนป. เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2562 โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2562 ให้ กฟผ. เพิ่มอัตราการใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเดิมวันละ 1,000 ตัน เป็นวันละ 1,500 ตัน และให้ กฟผ. รับมอบน้ำมันปาล์มดิบตามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่เหลือทั้งหมดจัดเก็บที่คลังรับฝากจังหวัด สุราษฎร์ธานีและฉะเชิงเทรา จากกำหนดเดิมในเดือนก.ค. ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 เม.ย. 2562 เพื่อต้องการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยยกระดับราคาผลปาล์มน้ำมันให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งปัจจุบัน กฟผ. ได้รับมอบน้ำมันปาล์มดิบแล้วรวม 68,000 ตัน คงเหลืออีกจำนวน 92,000 ตัน โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการขนส่งไปยังท่าเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง และการจัดเก็บรอในคลัง ผู้ขายน้ำมันปาล์มดิบจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด


สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ขนส่งน้ำมันปาล์มดิบและคลังจัดเก็บที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมี 2 รายคือ พี.เค.มารีน อ. เมือง และโกบอลอินเตอร์ อ. ดอนสัก กรมการค้าภายในได้สอบถามราคาค่าขนส่งปรากฎว่า บริษัท พี.เค.มารีนเสนอราคาหลังต่อรองแล้วถูกกว่าอีกบริษัทมาก และมีความพร้อมเพราะมีเรือขนส่งจำนวนมากกว่า ซึ่งราคาที่เกษตรกรได้รับที่ 3.20 บาท คำนวณจากการหักค่าขนส่งจากราคารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของ กฟผ. ที่กิโลกรัมละ 18 บาท


“กระบวนการทำงานของกระทรวงพาณิชย์คำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่มีไอ้โม่งในกระบวนการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจำนวน 160,000 ตัน ที่ได้รับผลประโยชน์แน่นอน ซึ่งกระทรวงได้รณรงค์เรื่อง Zero Corruption ที่จริงจังต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจในการดำเนินงานของกระทรวงฯ ในกรณีนี้หากพบเบาะแสหรือพฤติกรรมเรียกรับผลกประโยชน์ก็ ควรแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกระทรวงฯเพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกระบวนการเพื่อให้เกิดความถูกต้องต่อไป”น.ส.ชุติมา กล่าว