“วีระศักดิ์” ร่อนหนังสือสตม. ขอชัดเจนต่ออายุ “ฟรีวีซ่า"
“วีระศักดิ์” แจงเร่งทำหนังสือถึง สตม.สอบถามความชัดเจนแนวทางต่ออายุเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า “วีโอเอ” พร้อมเตรียมหารือกระทรวงต่างประเทศ หนุน “ดับเบิลเอ็นทรีวีซ่า” ทำวีซ่าครั้งเดียว เดินทางเข้าประเทศ 2 ครั้ง
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะทำหนังสือไปถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)เพื่อสอบถามความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการขยายระยะเวลาการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือวีซ่าออนอาร์ไรวัล (VoA) ให้กับ20ประเทศ และ1เขตเศรษฐกิจไต้หวัน ที่จัดเก็บคนละ2,000บาท และจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งที่ผ่านมาทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท. เตรียมเสนอให้ขยายเวลาไป6เดือนจนถึงสิ้นเดือนต.ค.62ว่า ทางสตม.จะดำเนินการต่อหรือไม่
โดยที่ประชุมครม.เมื่อวันที่9เม.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้หารือกันถึงเรื่องดังกล่าว แต่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะทำหนังสือไปสอบถามทางหน่วยงานเจ้าของเรื่องที่มีอำนาจในเรื่องนี้ นั่นคือ สตม. ว่ามีความเห็นอย่างไร จะเสนอเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในปลายเดือนเม.ย.นี้ และถ้าขยายออกไปแน่นอนว่าจะส่งผลดี โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ยังมีเวลา และการขยายไปครอบคลุมถึงเดือนต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นวันหยุดยาววันชาติจีนก็น่าจะมีความเหมาะสม
ทั้งนี้ นอกจากการทำหนังสือไปถึงสตม.เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวแล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังเตรียมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือแนวทางการจัดทำดับเบิลเอ็นทรีวีซ่า หรือการทำวีซ่าครั้งเดียวให้กับนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้2ครั้ง โดยจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตราเดิมคนละ1,000บาท เพราะที่ผ่านมาที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบในหลักการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยด้านการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น และช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า การต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA จะช่วยพยุงรายได้รวมของภาคท่องเที่ยวไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายปีนี้ที่ 3.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% จาก 3.04 ล้านล้านบาทของปีที่แล้ว เนื่องจากภาคท่องเที่ยวไทยต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลก ทั้งผลพวงจากสงครามการค้าโลกที่กระทบต่อกำลังซื้อนักท่องเที่ยว รวมถึงความกังวลต่อการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (เบร็กซิต) และปัจจัยเรื่องเงินบาทแข็งค่าที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจปรับแผนไปเที่ยวประเทศอื่นซึ่งมีค่าเงินเอื้อต่อต้นทุนการท่องเที่ยวที่ถูกกว่าไทย