พระพรหมบัณฑิต ชี้ช่องทาง 'เพิ่มมูลค่าให้ชีวิต'

พระพรหมบัณฑิต ชี้ช่องทาง 'เพิ่มมูลค่าให้ชีวิต'

“ชีวิตจะเปลี่ยนถ้าฝึกแผ่เมตตาอย่างจริงจัง เพราะบุญกุศลเกิดจากเมตตานั่นแหละ พอมีเมตตาจะให้ทาน พอมีเมตตาจะรักษาศีล มีเมตตาแล้วจะมีจิตอาสา จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง ท่านมีเมตตาภาวนา ท่านจะรักษาบุญ บุญกิริยาวัตถุุ 3 ทาน ศีล ภาวนา

พอท่านมีเมตตา ท่านจะเกิดกรุณา มุทิตา อุเบกขา” เป็นช่วงหนึ่งในการบรรยายของพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาส [http://กทม. หัวข้อ“การเพิ่มมูลค่าให้ชีวิต” ในโครงการ]กทม. หัวข้อ“การเพิ่มมูลค่าให้ชีวิต” ในโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” จัดโดย บมจ. ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย
          
พระพรหมบัณฑิตแจกแจงด้วยว่า  ในบรรดาบารมี 10 บารมี10 พระโพธิสัตว์  มีเมตตาอันเดียวจะมีทาน มีศีล  อยู่ๆ ทำไมพระสิทธัตถะถึงออกบวช เพราะเกิดไปเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย เกิดเมตตาสรรพสัตว์ อยากช่วยให้คนเหล่านั้นพ้นทุกข์มีความสุข ออกบวชก็เพราะเมตตานี่แหละ

2_31
          
หากอยากจะหาความหมายหาคุณค่าให้กับชีวิต ไม่ได้อยู่ไปวันๆ หนึ่ง อยู่ที่คิดว่าอะไรดี  อะไรมีคุณค่า ประเด็นอยู่ตรงที่ควรจะเลือกทำ เลือกสร้าง บูรณะเพิ่มให้กับชีวิต ซึ่งตรงกับพุทธภาษิตที่ว่า”นิสสัมมะ กะระนัง เสยโย” ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ
          
ใคร่ครวญก่อนคือก่อนตัดสินใจ ก่อนจะเลือกทำอะไรแล้วคุ้มค่า ทำอะไรคุ้มเวลา เพราะมีกิจกรรมมากมาย แม้กระทั่งการปฏิบัติธรรม แม้กระทั่งเรื่องที่จะตัดสินใจในชีวิต มีเรื่องให้ทำ 10 เรื่องแต่เรื่องไหนคุ้ม และให้ผลตอบแทนให้คุณค่าเพิ่มก็เลือกอันนั้น เพียงแต่ว่าจะเลือกถูกหรือเลือกผิด
          
มีคนถามพระพุทธเจ้าทำไมเลือกเทศน์ เลือกรับนิมนต์บางรายการ พระพุทธเจ้าบอกว่า สมมติมีนาให้ปลูกข้าว 3 แปลง โดยที่มีพันธุ์ข้าวจำกัดอยู่1 ถัง ท่านจะปลูกข้าวในแปลงไหนก่อน  แปลงที่ 1 เป็นดินดี น้ำอุดมสมบูรณ์ ปลูกแล้วได้ผล 100%  แปลงที่ 2 ดีบ้างไม่ดีบ้าง ได้ผลประมาณ50%  ส่วนแปลงที่ 3 ปลูกแล้วเป็นอาหารนกเสียมากกว่า ดินมันเล้ง
          
พระพุทธเจ้าทรงเลือกแปลงที่ 1 เพราะให้มูลค่าเพิ่มมากกว่าแปลงที่ 2 แปลงที่ 3 สอนชาวพุทธได้ผล 100% และเมื่อบรรลุธรรม ผู้นั้นจะไปสอนต่อได้ ซึ่งการสอนพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ  ลดภาระพระพุทธเจ้าไปไม่รู้เท่าไหร่ การสอนมีมูลเพิ่มทันที นี่คือการสร้างมูลค่าที่ถูกต้องแม้แต่ในการสอนธรรมมะ

3_19
          
แม้ในชีวิตจริงการตัดสินใจอย่างนั้นเป็นกฎทางเศรษฐศาสตร์ ทำบุญก็เหมือนกฎเศรษฐศาสตร์ 
แต่พระพุทธเจ้าสอนไว้นานแล้วกฎทางเศรษฐศาสตร์ เจ้าของทฤษฎีนี้มีชื่อว่า “พาเรโต” เขาเสนอทฤษฎีมาเกือบ 200 ปีแล้ว เรียกกฎ 80/ 20  หรือ 20/ 80
         
 “ท่านทำบุญ อยากได้บุญได้กุศล ถามว่าบุญที่ทำ 80% ของที่เราทำ ให้ผลแค่ 20 ส่วนที่เราทำ 20 ให้ผลถึง 80 เป็นอานิสงฆ์ ถามว่ามีหรือไม่เวลาที่เราถวายทานอานิสงฆ์มันต่างกันกับผู้มีศีล ผู้ถวายทานแก่พระ แต่เราถวายทานเยอะแยะก็สู้รักษาศีลไม่ได้  อยากได้บุญอานิสงฆ์ชัดเจน รักษาศีล แต่รักษาศีลแบบญาติโยม ก็สู้ไปบวชไม่ได้ โบราณเขาถึงบอกว่ายากอะไรไม่เท่าปฏิสังขร ถอนอะไรไม่ยากเท่ากับถอนมานะ รักอะไรไม่ยากเท่ากับรักกามคุณ บุญอะไรทำไม่ยากเท่ากับบุญบรรพชา หาอะไรไม่ยากเท่ากับหาตน จนอะไรแก้ไม่ยากเท่ากับจนปัญญา บุญบรรพชามันทำไม่ยากแต่มันได้บุญมาก ได้อานิสงส์”

          พระพรหมบัณฑิตย้ำอีกว่า เมื่อคนเรามีเมตตาภาวนาก็จะสามารถให้อภัย สามารถจะทำจิตอาสา สามารถที่จะสร้างสวรรค์บนดินในโลกนี้ได้ โดยเริ่มจากครอบครัว  เริ่มที่ทำงาน ชีวิตจะเปลี่ยนแล้วจะมีความสุขเพราะหวังประโยชน์สุขของคนอื่นเป็นที่ตั้ง เมื่อทุกคนมีเมตตา แผ่เมตตาหวังประโยชน์สุขของกันและกันเป็นที่ตั้ง ทุกคนต่างให้ ทุกคนก็จะมีความสุข ชีวิตมีคุณค่า โลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยทีเดียว ฉะนั้นเริ่มต้นด้วยการแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีความสุขด้วยกัน