ตร.เตรียมจำลองเหตุการณ์ พ่อเลี้ยงโหด ก่อนสั่งยกเลิกหวั่นเหตุการณ์บานปลาย ด้านสามี-ญาติผู้เสียหายตะโกนถาม “ฆ่าน้องทำไม” ขณะที่เจ้าตัวยกมือขอโทษสามีผู้ตาย
ภายหลัง นายภูมใจ เหลืองทอง หรือใจ ผู้ต้องหาคดีฆ่าลูกเลี้ยง ได้กินยาเบื่อหนู เพื่อหวังฆ่าตัวตายหนีความผิด แต่เจ้าหน้าที่นำตัวส่งรพ.ได้ทันโดยล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว จึงนำตัวมาทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 เมษายน พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว ได้เบิกตัวนายภูมใจ ออกจากห้องควบคุม เพื่อมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ร่วมถึงเตรียมจะจำลองเหตุการณ์ฆ่า น.ส นันท์ชยา หรือ นุ่น จันทะโมคา ลูกเลี้ยง ทั้งนี้ซึ่งเป็นความสมัครใจของผู้ต้องหา และยอมรับผลกรรมที่ทำไป โดยหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่นำตัวออกมาจาก รพ นพรัตน์ และทำตัวมาสอบสวน ยังไม่มีญาติของผู้ต้องหามาเยี่ยมแต่อย่างใด ทั้งนี้เมื่อคืนผู้ต้องหานอนหลับสบายหลังจากไม่ได้หลับนอนและหนีการตามล่าของเจ้าหน้าที่และญาติของผู้ตายมาหลายวัน ทั้งนี้หลังจากทำการสอบปากคำเสร็จแล้วจะมีการจำลองเหตุการณ์โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ จัดทำที่บริเวณห้องประชุมชั้นล่างของ สน.คันนายาว โดยสาเหตุที่ ไม่นำตัวไปทำแผนที่เกิดเหตุเนื่องจาก เกรงว่า จะไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ในการจำลองเหตุการณ์ ทางเจ้าหน้าที่ จะนำตัวแทนผู้หญิง ที่มีรูปร่างคล้ายกับผู้เสียชีวิต ให้มากที่สุดโดยเริ่มจากผู้ต้องหาตะโกนเรียกผู้เสียชีวิต เพื่อให้เปิดห้อง จากนั้นเมื่อเข้ามาที่ห้องได้ใช้ค้อนที่เตรียมมากระหน่ำตี ผู้ตายจำนวนหลายครั้ง ทั้งที่ บริเวณศรีษะ และลำตัว จนหัวค้อนหลุด โดยที่ผู้เสียชีวิต ไม่มีการต่อสู้เลยมีแต่เพียงยกแขนกั้นครั้งเดียว ทั้งนี้ในการจำลองเหตุการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับพยานหลักฐานที่ พนักงานสอบสวนพบในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็น บาดแผล รอยร่องต่างๆที่พบบนตัวผู้เสียชีวิต และหัวค้อนที่พบ
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น.โดยผู้สื่อข่าวรายงาน ได้มี นายธนวัตร แก้วคำสอน สามีผู้เสียชีวิต และนายณัชพล สุวชัย อายุ 26 ปี น้องชายของผู้ตาย กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อนของผู้เสียชีวิตเริ่มทยอยเดินทางมาที่ สน เพื่อมาดูการจำลองเหตุการณ์ เป็นจำนวนมาก โดยทั้งหมดอยากจะมาถามผู้ต้องหาว่าฆ่าน้องนุ่นทำไม จน พ.ต.อ.สิงห์ ได้จัดกำลังดูแลความเรียบร้อย ในบริเวณสน.คันนายาว เพื่อกั้นความวุ่นวาย
ต่อมานายธนวัตร แก้วคำสอน สามีผู้เสียชีวิต และนายณัชพล สุวชัย อายุ 26 ปี น้องชายของผู้ตาย กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิต ได้เดินขึ้นไปที่ห้องควบคุม เพื่อพูดคุยกับผู้ต้องหา โดยทั้งคู่ได้พูดคุยกับนายใจผ่านลูกกรง โดยนาย ธนวัตรถาม นายใจ ว่า ฆ่าน้องทำไม ก่อนที่นายใจผู้ต้องหาจะยกมือขอโทษ ขณะนั้น นายธนวัตร ได่ตะโกนว่า นาย ใจ และชกไปที่ลูกกรง จนเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะเกิดเหตุบานปลายขึ้นจึงได้สั่งยุติการจำลองเหตุการณ์ในครั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ต้องหา
ทั้งนี้ ทาง พ.ต.อ สิงห์ ได้เปิดเผยว่า การจำลองเหตุการณ์ในวันนี้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้ต้องหาในการยินยอมในการนำชี้ให้บันทึกการกระทำที่ได้ทำผิด โดยเราได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) ต้องระวางโทษประหารชีวิต เพราะพบพฤติกรรมของผู้ต้องหาจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานพบมีร่องรอยการทำร้ายบริเวณท้อง ลำตัว และศีรษะ กับหญิงที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่ต้องยุติลง และคงจะทำหลังจากที่ญาติของผู้เสียชีวิตกลับไป เพราะไม่อย่างนั้นจะเกิดความวุ่นวายและในวันพรุ่งนี้จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลมีนบุรี ซึ่งคดีนี้ตนอยากให้ทางญาติสบายใจว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ ส่วนที่ผู้ต้องหารับสารภาพเเล้วจะเป็นเหตุลดโทษทำให้ไม่โดนโทษสถานหนักหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเอง ซึ่งตามกฎหมายเเล้วหากผู้ต้องหาจำนนต่อพยานหลักฐานก็เป็นดุลพินิจที่ศาลจะไม่ลดโทษให้ก็ได้
พ.ต.อ.สิงห์ กล่าวอีกว่า คดีนี้ถึงตัวผู้ต้องหาไม่รับสารภาพทางพนักงานสอบสวนก็มั่นใจในพยานหลักฐานซึ่งเรามีทั้งพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เเละพยานเเวดล้อมครบถ้วนสมบูรณ์อยู่เเล้ว ส่วนการทำเเผนประกอบคำรับสารภาพในวันนี้ก็ให้ยกเลิกออกไปเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการปะทะกันของญาติผู้เสียชีวิตที่เศร้าเสียใจกับผู้ต้องหา ซึ่งการทำเเผนประกอบคำรับสารภาพเป็นระเบียบของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติเพื่อความรัดกุม เเต่ถ้าเรามีพยานหลักฐานที่เพียงพอเเล้วก็สามารถดำเนินคดีได้ ในส่วนของการสอบปากคำผู้ต้องหาก็ได้ทราบจากคำให้การว่า สาเหตุเกิดจากไม่พอใจมารดาของผู้ตายที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์จนเกิดความหึงหวง เเละผู้ตายเป็นบุตรสาวที่มารดารักมากจึงไปลงกับผู้ตาย โดยที่กระทำตอนนั้นเพราะอารมณ์โมโห เเละขาดสติ อย่างไรก็ตามเนื่องจากผู้ต้องหามีอาการเครียดเเละให้การว่าเคยพยายามฆ่าตัวตายมา2ครั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดให้มีการควบคุมอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการทำร้ายตัวเอง จากการตรวจสอบไม่พบว่าเคยมีประวัติอาชญกรรมหรือเสพยาเสพติดมาก่อน
ด้าน น.ส.ว่านไพลิน หอมวัชระ ทนายความอาสาผู้ต้องหา กล่าวว่าคดีนี้ผู้ต้องหามีอาการเครียดโดยระหว่างที่ให้คำปรึกษาด้านคดีตัวผู้ต้องหาก็ได้เเจ้งกับตนหลายครั้งว่าจะมีวิธีไหนทำอย่างไรก็ได้ที่ศาลจะพิพากษาประหารชีวิต เนื่องจากเขาสำนึกผิดตอนที่กระทำไปเกิดจากอารมย์ชั่ววูบจนเขาลืมไปหมดว่าที่เขากระทำอยู่เป็นคนท้องอยากจะขอโทษญาติเเละขออโหสิกรรม