'ราชทัณฑ์' ปิ้งไอเดียฝังชิปในโซ่ตรวนโดรนติดตามนักโทษหลบหนี
สถิตินักโทษหลบหนีสูง "ราชทัณฑ์" จับมือ "สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ" วางระบบโดรน ฝังชิปในโซ่ตรวนขณะนำตัวไป - กลับศาล
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 62 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เรือนจำทั่วประเทศมีนักโทษกว่า 380,000 คน บางเรือนจำแม้เป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง แต่เป็นเรือนจำเก่าแก่ใช้งานมานาน ซึ่งในรอบปี 61 - 62 มีนักโทษแหกหักหลบหนีทั้งระหว่างถูกคุมขัง และหนีระหว่างเดินทางไปขึ้นศาลสูงถึง 11 ครั้ง จึงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะจำนวนผู้คุมไม่เพียงพอกับจำนวนนักโทษที่ล้นเรือนจำ จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนี
ซึ่งปัจจุบันจะพบว่ามีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนา และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการควบคุมนักโทษ โดยเฉพาะงานวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม มีงานวิจัยด้านอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle : UAV) และงานต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (ANTI UAV) ตรวจจับขบวนการนำโดรนมาหย่อนวัตถุต้องห้าม เช่น ยาเสพติด รวมทั้งระบบจำลอง Simulator ในการติดตามพฤติกรรมและตรวจจับสัญญาณ ซึ่งกรมราชทัณฑ์เห็นว่าหากมีการทำบันทึกข้อตกลงระหว่าง 2 หน่วยงาน จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เพราะไม่ต้องซื้อเทคโนโลยีนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้ ขณะเดียวกันสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศจะได้นำนวัตกรรมที่ได้คิดค้นมาใช้ประโยชน์ด้วย
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรมราชทัณฑ์เห็นว่าสิ่งจำเป็นและที่จะนำมาใช้เพื่อป้องกันนักโทษหลบหนี คือ การฝังชิปในโซ่ตรวน เพราะระหว่างควบคุมตัวนักโทษไปขึ้นศาลจะต้องถูกตีตรวน ซึ่งในช่วงระยะดังกล่าวนักโทษสามารถหลบหนีได้ หากฝังชิปเชื่อมโยงระบบผ่านมือถือและโดรน จะสามารถติดตามตัวนักโทษที่หลบหนีได้ภายใน 1 ชั่วโมง และยังสามารถตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีว่านักโทษหนีไปในทิศทางใดได้ด้วย ส่วนข้อกังวลที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนจะมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ผู้ต้องขังหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เพราะระบบดังกล่าวจะใช้กับกลุ่มผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเท่านั้น โดยในวันที่ 22 เม.ย. นี้ เวลา 08.00 น. กรมราชทัณฑ์และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศจะร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว
พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงนโยบายเปิดพื้นที่บางส่วนในเรือนจำชั่วคราวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ว่า เบื้องต้นได้หารือกับ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อขอสัตว์ป่าที่ได้จากการเพาะพันธุ์ เช่น กวางพันธุ์ลูซ่า มาเลี้ยงในพื้นที่เรือนจำที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ทัณฑสถานเปิดบ้านนาวง จ.พัทลุง เรือนจำชั่วคราวเหรียงห้อง จ.ตรัง ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จ.ระยอง ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จ.จันทบุรี เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ จ.ตราด และเรือนจำชั่วคราวเขาไม้แก้ว จ.ระยอง ซึ่งปัจจุบันเรือนจำเหล่านี้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ทางด้านการเกษตรอยู่แล้ว และยังมีพื้นที่เหลือเพียงพอเปิดเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์จำพวกแพะ แกะ กวาง ม้า ซึ่งจะขอรับการสนับสนุนจากกรมปศุสัตว์ ขณะที่อธิบดีกรมป่าไม้พร้อมสนับสนุนนำกวางลูซ่าเข้ามาเลี้ยงในพื้นที่เรือนจำ โดยแนวคิดดังกล่าวอยู่ระหว่างเตรียมการขอรับการสนับสนุน และในวันที่ 22 - 23 เม.ย. นี้ ได้มอบหมายให้คณะทำงานของกรมราชทัณฑ์ ลงไปสำรวจพื้นที่ร่วมกับกรมป่าไม้ที่เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ และทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา เพื่อศึกษาเรียนรู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความพร้อมในการรองรับสัตว์ป่าชนิดใดบ้าง
“หากเปิดพื้นที่เรือนจำบางส่วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีสัตว์ป่าให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เชื่อว่าจะได้รับความสนใจ และนักโทษจะได้ปรับเปลี่ยนพฤตินิสัย รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวนักโทษให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ปกติ โดยเรือนจำจะเปิดให้นักโทษชั้นเยี่ยม และนักโทษชั้นดี ทำหน้าที่ดูแลสัตว์ ซึ่งจะทำให้นักโทษจิตใจอ่อนโยนลง และลดความหวาดระแวงระหว่างผู้ต้องขังกับประชาชนทั่วไปให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น” พ.ต.ท.ประวุธ กล่าว