โลกรุมประณามบึ้ม8ครั้งศรีลังกา-ตายเพิ่มเป็น290คน

โลกรุมประณามบึ้ม8ครั้งศรีลังกา-ตายเพิ่มเป็น290คน

ผู้นำโลกร่วมประณามเหตุลอบวางระเบิดต่อเนื่อง 8 ครั้งถล่มโรงแรมหรู-โบสถ์ ระหว่างทำพิธีอีสเตอร์ในศรีลังกา คร่าชีวิตประชาชนเพิ่มเป็น 290คน รวมถึงชาวต่างชาติอีกหลายสิบคน ตำรวจเผยเป็นระเบิดพลีชีพอย่างน้อย 2 ครั้ง

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงแสดงธรรมเนื่องในวันอีสเตอร์ที่สำนักวาติกัน ระบุ เสียพระทัยกับระเบิดนองเลือดในศรีลังกา พระองค์ทรงยืนเคียงข้างเหยื่อของความรุนแรง

“ข้าพเจ้าได้รับข่าวเศร้าเรื่องการโจมตีในวันนี้ซึ่งเป็นวันอีสเตอร์ ช่างเป็นข่าวที่น่าเศร้าและเจ็บปวด ข้าพเจ้าขอยืนเคียงข้างชาวคริสต์ผู้เป็นที่รักที่ถูกโจมตีขณะสวดมนต์ และทุกคนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงโหดร้ายเช่นนี้”

 นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ ทวีตข้อความระบุ “การก่อเหตุรุนแรงที่โบสถ์และโรงแรมของศรีลังกา เป็นเรื่องน่าสะเทือนขวัญอย่างที่สุด ดิฉันเห็นใจอย่างสุดซึ้งกับทุกคนที่ประสบกับช่วงเวลาอันน่าเศร้านี้ เราต้องยืนเคียงข้างกันเพื่อสร้างหลักประกันว่า ไม่ควรมีใครแสดงความศรัทธาของตนท่ามกลางความหวาดกลัว”

ด้านนายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เรียกการโจมตีในศรีลังกาว่าเป็นสิ่งเลวทราม

“ผมตกใจและเสียใจมากกับการโจมตีสุดสยองที่โบสถ์และโรงแรมในศรีลังกา การพุ่งเป้าไปที่ผู้ศรัทธาที่มารวมตัวกันในวันอีสเตอร์เป็นเรื่องเลวทรามยิ่ง ผมขอสวดมนต์อธิษฐานให้กับเหยื่อครอบครัว และผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ”

นายฌอง คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ทวีตข้อความว่าทั้งเศร้าใจและตกใจเมื่อได้ยินข่าวระเบิดในศรีลังกา คร่าชีวิตประชาชนจำนวนมาก ย้ำสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมให้ความช่วยเหลือ

“ผมขอแสดงความอาลัยอย่างสุดหัวใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่รวมตัวกันทำพิธีทางศาสนาอย่างสงบ บางคนก็ตั้งใจมาเยือนประเทศที่สวยงามแห่งนี้”

นายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรปทวีตข้อความแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และให้กำลังใจผู้บาดเจ็บเช่นเดียวกัน

นายกรัฐมนตรีมาร์ค รุต ของเนเธอร์แลนด์ทวีตข้อความหลังทราบข่าวระเบิดครั้งแรก ส่งความห่วงใยไปยังเหยื่อและญาติ

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย เรียกว่าการโจมตีก่อการร้ายระทึกขวัญ

“สำหรับประชาชนศรีลังกาผู้แสนดี ออสเตรเลียขอส่งความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมอธิษฐานและให้กำลังใจ เราจะช่วยเหลือทุกอย่างที่คุณต้องการในช่วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้”

สำหรับนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์ ที่เดือนที่แล้วประเทศของเธอเคยเกิดเหตุกราดยิงมัสยิดสองแห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช คร่าชีวิตชาวมุสลิมหลายสิบคน เรียกการโจมตีที่ศรีลังกาว่า “การทำลายล้าง” นิวซีแลนด์ประณามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ไม่เอาการกระทำสุดโต่งทุกอย่าง และขอยืนยันเสรีภาพในการนับถือศาสนา และสิทธิในการแสดงความศรัทธาอย่างปลอดภัย ขอให้ทุกคนหาความมุ่งมั่นและคำตอบเพื่อยุติความรุนแรงดังกล่าว

ศาสนจักรคาทอลิกในนครเยรูซาเล็ม แถลงว่า เหตุระเบิดเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่งที่มาเกิดขึ้นในวันที่ชาวคริสต์กำลังเฉลิมฉลองอีสเตอร์ ศาสนจักรขอแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับศรีลังกา และประชาชนทุกคนในทุกเชื้อชาติศาสนา

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง พร้อมประกาศ "ภูมิภาคของเราไม่มีที่ให้การกระทำป่าเถื่อน อินเดียเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับศรีลังกา ขอส่งกำลังใจไปให้ครอบครัวผู้สูญเสีย และสวดภาวนาให้กับผู้บาดเจ็บ

โฆษกนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ทวีตข้อความโทรเลขที่นายกฯ หญิงส่งไปแสดงความอาลัยกับศรีลังกาว่า ช่างน่าสะเทือนใจที่ผู้คนกำลังเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ แต่กลับตกเป็นเป้าการจงใจโจมตีอย่างโหดร้าย “การแสดงออกถึงความเกลียดชังทางศาสนาและไม่ยอมรับคนอื่นด้วยวิธีการน่ากลัวแบบนี้ไม่มีวันชนะใจคนได้”

นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ทวีตข้อความให้กำลังใจศรีลังกา ประกาศชัด “การก่อการร้ายเป็นภัยคุกคามโลกไม่เกี่ยวกับศาสนา และต้องถูกประณามและต่อต้านจากทั่วโลก”

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทวีตข้อความไว้อาลัยและประกาศว่า สหรัฐพร้อมให้ความช่วยเหลือศรีลังกา

เมื่อวันอาทิตย์ (21 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันอีสเตอร์ ได้เกิดระเบิดติดๆ กัน 6 ครั้ง และอีก 2 ครั้งในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับศรีลังกา โดยระเบิด 6 ครั้งแรกเกิดขึ้นที่โรงแรม 3 แห่งได้แก่ โรงแรมแชงกรีลา โรงแรมซินเนมอนแกรนด์ และโรงแรมแกรนด์ คิงส์บิวรีและโบสถ์เซนต์แอนโธนีอันโด่งดังในกรุงโคลอมโบ รวมถึงการโจมตีที่โบสถ์เมืองเนกอมโบ ทางเหนือของกรุงโคลอมโบ และที่โบสถ์ในเมืองบัตติคาลัว ทางตะวันออกของเมือง ครั้งที่ 7 เกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งชานเมืองหลวง ครั้งที่ 8 เกิดขึ้นที่ย่านโอรูโกดาวัตตา ชานเมืองหลวงด้านเหนือ ตอนแรกตำรวจไม่เผยรายละเอียดเพิ่มเติม

ต่อมาแหล่งข่าวตำรวจระบุว่า ระเบิดครั้งที่ 8 ที่บ้านหลังหนึ่งทางชานเมืองตอนเหนือของเมืองหลวง มือระเบิดพลีชีพจุดระเบิดตนเอง ขณะที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นภายในบ้าน แรงระเบิดทำให้บ้านชั้นบนพังถล่มลงมา ตำรวจเสียชีวิต 3 นาย

ขณะที่เจ้าหน้าที่โรงแรมซินนามอนแกรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทำเนียบนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่โรงแรมก็เป็นระเบิดพลีชีพเช่นกัน โดยมือระเบิดเดินมาตรงหัวแถวที่แขกรอตักอาหารในห้องอาหารแล้วจุดระเบิดตนเอง

นายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ประณามการโจมตีที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองศรีลังกายุติลงเมื่อ 10 ปีก่อนว่า เป็นการกระทำของคนขี้ขลาด รัฐบาลกำลังควบคุมสถานการณ์

ด้านประธานาธิบดีไมตรีพลา สิริเสนา แถลงว่า ตกใจมากและขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

ระเบิด 8 ครั้งในวันเดียวเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 290 คน บาดเจ็บกว่า450คน แหล่งข่าวในโรงพยาบาลเผยว่า ผู้เสียชีวิตมีชาวอังกฤษ ดัทช์ อเมริกันรวมอยู่ด้วย และมีชาวอังกฤษและญี่ปุ่นได้รับบาดเจ็บ ขณะที่สำนักข่าวลูซาของศรีลังการายงานว่า ชายชาวโปรตุเกสเสียชีวิตด้วย 1 คน

ช่างภาพสำนักข่าวเอเอฟพีซึ่งอยู่ในโบสถ์เซนต์แอนโธนี รายงานว่า เห็นศพกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้น หลังคาโบสถ์แตกกระจายด้วยแรงระเบิด กระเบื้องหลังคา กระจก เศษไม้ร่วงลงสู่พื้นโบสถ์เลือดนอง เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายร้อยคนส่งโรงพยาบาล

เบื้องต้นยังไม่มีกลุ่มใดอ้างว่าเป็นผู้ลงมือ แต่สำนักข่าวเอเอฟพีเห็นเอกสาร ระบุว่า เมื่อสิบวันก่อนผู้บัญชาการตำรวจศรีลังกาออกประกาศเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูง แจ้งให้ระวังกลุ่มมือระเบิดพลีชีพวางแผนโจมตีโบสถ์สำคัญ

“หน่วยข่าวกรองต่างชาติแห่งหนึ่ง รายงานว่ากลุ่มเนชันแนล ธาวฮีธ จามาอัธ (เอ็นทีเจ) กำลังวางแผนระเบิดพลีชีพพุ่งเป้าโบสถ์ดัง และข้าหลวงใหญ่อินเดียในกรุงโคลอมโบ”

กลุ่มเอ็นทีเจ เป็นกลุ่มมุสลิมสุดโต่งในศรีลังกา เริ่มถูกจับตาตั้งแต่ปีก่อน หลังจากถูกเชื่อมโยงกับเหตุทำลายพระพุทธรูปภายในประเทศ

กระทรวงกลาโหมสั่งห้ามออกนอกเคหะสถานในยามวิกาล (เคอร์ฟิว) ตั้งแต่เวลา 18.00 น.วันอาทิตย์ (21 เม.ย.) ไปจนถึง 6.00 น.วันจันทร์ (22 เม.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น

เลขานุการประธานาธิบดีแถลง รัฐบาลศรีลังกาตัดสินใจระงับใช้โซเชียลมีเดียทุกชนิดเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน

สถานทูตหลายแห่งในกรุงโคลอมโบเตือนประชาชนให้อยู่ในเคหะสถานสายการบินศรีลังการขอให้ผู้โดยสารเดินทางมาถึงสนามบินก่อนเครื่องออก 4 ชั่วโมง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด