‘ผู้บริโภคอเมริกัน’ เหยื่อสงครามการค้าตัวจริง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คุยโวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ภาษีที่ตนเรียกเก็บจากคู่ค้าถือเป็นของขวัญพิเศษมอบให้กับคลังสหรัฐ แต่ข้ออ้างของเขากลับสวนทางกับงานวิจัยที่ชี้ว่า คนอเมริกันต่างหากที่ต้องรับผลกระทบจากภาษี
วันนี้ (10 พ.ค.) ทรัมป์มีแผนขึ้นภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ จาก 10% เป็น 25% ทั้งยังกล่าวว่า เงินภาษีที่กวาดมาได้ช่วยให้สหรัฐอยู่รอดได้สบายๆ แม้ไม่มีข้อตกลงการค้า
แต่คำประกาศเพิ่มภาษีสินค้าจีนรอบใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อน ได้สร้างความกังวลให้กับภาคธุรกิจและเกษตรกร รวมถึงเขย่าขวัญนักลงทุนทั่วโลก
“คนจ่ายภาษีตัวจริงก็คือภาคธุรกิจและผู้บริโภคอเมริกันนี่ล่ะ ไม่ใช่จีน เล่นขึ้นภาษีแบบปัจจุบันทันด่วนแจ้งล่วงหน้าไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์แบบนี้ ธุรกิจสหรัฐปั่นป่วนแน่ โดยเฉพาะบริษัทเล็กๆ ที่มีทรัพยากรไม่มากพอลดผลกระทบ”เดวิด เฟรนช์รองประธานอาวุโส สมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (เอ็นอาร์เอฟ) กล่าว
ทรัมป์โวว่าเขาเก็บภาษีจากจีนและประเทศอื่นๆ ได้เพิ่มอีกปีละ 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ข้อเท็จจริงคือคนที่จ่ายภาษีเหล่านั้นก็คือผู้นำเข้า ซึ่งท้ายที่สุดก็ต้องผลักภาระบางส่วนมาให้ผู้บริโภค
แม้อุตสาหกรรมและค้าปลีกสหรัฐจะเชียร์รัฐบาลที่ต้องการให้จีนเปลี่ยนพฤติกรรม เปิดให้ธุรกิจสหรัฐเข้าถึงตลาดอันใหญ่โตของจีน แต่พวกเขาก็กังวลกับวิธีที่รัฐบาลใช้ว่าอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคจนทำให้ยอดขายลด
“เราต้องการให้ประธานาธิบดีทรัมป์ทำข้อตกลงกับจีนได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยตรวจสอบพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขันของจีนได้”ฮัน ควอชรองประธานสมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีกกล่าว แต่ไม่วายเตือนว่า สุดท้ายแล้วชนชั้นกลางจะต้องใช้เงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวันมากขึ้น
บริษัทวิจัยเอกชน “เทรดพาร์ทเนอร์ชิป”คำนวณว่าหากสินค้าจีนถูกเก็บภาษีเพิ่มจาก 10% เป็น 25% จะทำให้ครัวเรือนอเมริกันที่มีสมาชิก 4 คน ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกปีละ 767 ดอลลาร์แรงงานเกือบ 1 ล้านคนสุ่มเสี่ยง อย่าลืมว่าการค้าระหว่างประเทศช่วยสร้างงานในสหรัฐถึง 39 ล้านอัตรา ในจำนวนนี้มาจากการค้ากับจีน 7 ล้านคน
ความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกปะทุขึ้นเมื่อปีก่อน ทรัมป์เป็นฝ่ายเปิดฉากสงครามการค้าโดยกล่าวหาว่าจีนทำการค้าไม่เป็นธรรม ทั้งสองฝ่ายเก็บภาษีโต้ตอบกันแล้ว 3.6 แสนล้านดอลลาร์ จากสินค้าขั้นกลางหลายชนิด เช่น เหล็ก เครื่องหนัง ยาง และพลาสติก รวมถึงสินค้าสำเร็จรูปทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โทรทัศน์ และเฟอร์นิเจอร์
รายงานล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ระบุว่าการเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมตั้งแต่เดือน มี.ค.2561 และการเก็บภาษีสินค้าจีนในเดือน ก.ค. หนุนให้ดัชนีราคาผู้บริโภคปี 2561 เพิ่มขึ้น 0.3%
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยชิคาโกเผยแพร่เดือนก่อน และการประเมินของเฟดนิวยอร์กชี้ว่า การเก็บภาษีเครื่องซักผ้านำเข้าทำให้ผู้บริโภคอเมริกันต้องจ่ายเพิ่มอีกปีละ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ ราคาเครื่องซักผ้าเพิ่มขึ้น 86 ดอลลาร์ เครื่องอบผ้าราคาเพิ่ม 92 ดอลลาร์
“เราอยากเห็นจีนเปลี่ยนแปลงวิธีทำการค้าก็จริง แต่ไม่ใช่ใช้แทกติกการเจรจาที่มาลงโทษชาวอเมริกันแบบนี้ ถ้ารัฐบาลต้องการกดดันจีนหนักขึ้น ก็ควรประสานความร่วมมือกับพันธมิตรหลายๆ ชาติที่กังวลเรื่องนี้เหมือนๆ กัน” เฟรนช์จากเอ็นอาร์เอฟให้ความเห็น
เมื่อวันพุธ (8 พ.ค.) ข้อมูลทางการของจีนชี้ว่า เดือน เม.ย.จีนส่งออกลดลง แต่ยังคงได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐ และจีนก็เก็บภาษีตอบโต้กับสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐ โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ใช้วิธีจ่ายชดเชย 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
แม้แต่นักการเมืองพรรครีพับลิกันจากรัฐที่สนับสนุนทรัมป์ อย่างโจนี เอิร์นสต สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐไอโอวา ก็บอกว่า เกษตรกรกำลังหมดความอดทนแล้ว