จับ 'โต๊ด ลาดกระบัง' คดีค้ายาเสพติดยึดทรัพย์ 20 ล้าน
ปส.จับ "โต๊ด ลาดกระบัง" ตามหมายจับศาลอาญา คดีค้ายาเสพติดรายใหญ่ ยึดทรัพย์ 20 ล้าน เจ้าตัวยังปฏิเสธ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. (ปป) ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. นำกำลังชุดปฏิบัติการสยบไพรี จับกุม นายจัตุรงค์ หรือ “โต๊ด ลาดกระบัง” พึ่งพรหม อายุ 26 ปี พร้อมกับยึดทรัพย์สิน มูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท หลังสืบพบมีความเชื่อมโยงกับแก๊งลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ส่วนเจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างแค่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือมือสอง ยันชี้แจงทรัพย์สินได้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พ.ค. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.(ปป) ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 บก.ข่าวกรองยาเสพติด บก.ปส.1 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการสยบไพรี เข้าจับกุม นายจัตุรงค์ หรือ “โต๊ด ลาดกระบัง” พึ่งพรหม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 ซอยหลวงแพร่ง 2 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 501/2561 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2561 ในข้อหา สนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด(โดยการจัดการเรื่องเงินในการซื้อขายยาเสพติด) และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำผิดที่ได้สมคบกัน พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน มูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท ประกอบด้วยบ้าน จำนวน 2 หลังมูลค่า 5,000,000 บาท รถยนต์จำนวน 3 คัน คือรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบิว รุ่นM4 ทะเบียน 2 กว 840 กรุงเทพมหานคร , รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน 4กน6115 กรุงเทพมหานคร , รถยนต์ยี่ห้อฮอนต้า รุ่นฟรีช ทะเบียน 1กถ1460กรุงเทพมหานคร มูลค่ารวม 9,000,000 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นKR 150 SE จำนวน 1 คัน , สร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทอง จำนวน 2 เส้น กำไรทองฝังเพชร เลสทองฝังเพชร แหวนเพชร จำนวน 2 วง ต่างหูเพชร จำนวน 1 คู่ แหวนทองเกลี้ยง 1 วง เงินสด 5,000 บาท อาวุธปืน 11 มม. ยี่ห้อโคลท์ จำนวน 1 กระบอกนาฬิกา 7 เรือน โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง กระเป๋าแบรนเนม 7 ใบ สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 3 เล่ม โดยจับกุมที่บ้านเลขที่ 19/211 ซ.ราษฎร์พัฒนา 15 ถ.ราษฎร์พัฒนา แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กทม.
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ตามยุทธการสยบไพรี 62/13 END GAME จุดจบซาตานเมืองกรุง ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้มีการขยายผลเครือข่ายนักค้ายาเสพติด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หลายคดี เบื้องต้น พบว่า “โต๊ด ลาดกระบัง” หรือ นายจัตุรงค์ พึ่งพรหม มีความเชื่อมโยงกับการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญเป็นจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการจับกุมทีมลำเลียงยาเสพติด หรือกลุ่มนักบิน ซึ่งมีนายโต๊ด เป็น ตัวกลาง หรือโบรกเกอร์ ที่มีขีดความสามารถในการจัดหายาเสพติดหลายชนิดในปริมาณมาก โดยจะทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับ เจ้าของยาเสพติด รับโควต้าจากกลุ่มนักค้าทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมสั่งสินค้าโดยตรงจากแหล่งผลิตทางด้านชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย พบเงินหมุนเวียนในบัญชีเฉลี่ยเดือนละ10ล้าน
จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ยังพบว่า ผู้ต้องหามีความสัมพันธ์โดยตรงกับนักค้ายาเสพติดที่หลบหนีหมายจับของทางราชการไทย
ด้านนายจัตุรงค์ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นบุคคลในชื่อที่ปรากฎตามหมายจับจริง แต่ยืนยันว่าตนเองชื่อนุ้ก ไม่ได้ชื่อโต๊ด โดยรับว่าบ้านอยู่ย่านลาดกระบัง ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดตามที่ถูกตำรวจกล่าวหา และไม่รู้จักกับนักค้ายาเสพติด ตามรายชื่อที่ตำรวจพูดถึง ตนมีอาชีพซื้อขายโทรศัพท์มือสอง ที่เปิดร้านรับซื้อในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่ละเดือนมีรายได้จากการค้าขายหลักแสนบาท ยืนยันสามารถชี้แจงที่มาที่ไปของเงินได้ทุกอย่าง และยืนยันว่าไม่รู้จักกับโน๊ต ดินแดง หรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติด ส่วนรายละเอียดด้านอื่น ๆ ยังไม่ขอให้ข้อมูล
นอกจากนี้ทางกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยกองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด บก.ปส.1 และชุดปฏิบัติการสยบไพรี ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาและยึดทรัพย์สินดังกล่าว โดยมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อีก 12 จุด รวม 13 จุดตรวจค้น ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล
สำหรับเบื้องหลังการจับกุมในครั้งนี้ขยายผลมาจากการทลายปาร์ตี้เอเย่น จับกุมนายศดายุ เหลืองประดับใจ หรือ โน๊ต เขาใหญ่ และนายวันเฉลิม กมลเลิศ หรือ โน๊ต ดินแดง ผู้ค้ายาเสพติด เมื่อปี 59 ที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งในขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถวิสามัญคนร้ายได้ 1 ราย และมีเจ้าหน้าที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย แต่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงถึง เนื่องจากในครั้งนั้นผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้แตะต้องยาเสพติดแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นผู้สั่งการเท่านั้น โดยผู้ต้องหารายนี้จะนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปฟอกเงิน ด้วยการเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในสวนจัตุจักร จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ติดตามเชื่อมโยงเครือข่ายและสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด