เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ

เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ

เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.62 เวลา 14.00 น. นายเก-ออร์ค ชมิท (H.E. Mr. Georg Schmidt) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ และแสดงความยินดีในโอกาสการเข้ารับตำแหน่งของเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิภาคเอเชีย จึงเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ และการทำงานร่วมกันในอนาคต ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ให้คำมั่นว่าจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมยังแสดงความยินดีกับการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการจัดการเลือกตั้งของไทยที่ประสบความสำเร็จและลุล่วงไปด้วยดี

9857182786019

ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความสัมพันธ์ไทย – เยอรมนีที่ใกล้ชิดและยืนยาวระหว่างกัน โดยมีการแลกเปลี่ยนความร่วมมือในหลากหลายสาขา โดยมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจผ่านโครงการ EEC ที่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันให้บรรลุ 1.5 หมื่นล้านยูโรภายในปี 2563 นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไทยพร้อมจะดูแล และอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนเยอรมันในไทยอย่างดีเช่นที่ผ่านมา และพร้อมเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเยอรมนีในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมนีเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของไทยในการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ เน้นย้ำว่า ไทยและเยอรมนีต่างมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือได้อีกมาก ทั้งด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

เอกอัครราชทูตเยอรมนีฯ ยินดีและชื่นชมการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทย ในปี 2562 พร้อมอวยพรให้การดำเนินงานในฐานะประธานอาเซียนเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดปี โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมรัฐบาลเยอรมนีที่ให้ความสำคัญ และมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้เอกอัครราชทูตฯ มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย และขอให้เชื่อมั่นว่าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยมีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกด้าน