PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

ประกาศความมุ่งมั่นชัดเจนที่จะเป็นโต้โผขับเคลื่อนโปรเจกต์ใหญ่ “โดรนโดยสาร” (Passenger Drone) ฝีมือคนไทย 100% ให้สำเร็จและใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้นี้

KEY

POINTS

  • PulseX จะเป็นโต้โผขับเคลื่อนโปรเจกต์ใหญ่อุตสาหกรรม “โดรนโดยสาร” (Passenger Drone) นวัตกรรมไทยส่งขายทั่วโลก
  • ภาคเอกชนรายแรกที่สร้าง passenger drone ลำแรกสำเร็จเมื่อปี 2563 ในรูปแบบโดรนโดยสาร 1 ที่นั่ง 
  • โดรนโดยสาร  แต่ละประเทศมีโนว์ฮาวใกล้เคียงกันถือว่าอยู่บนเส้นสตาร์ตเดียวกัน จึงมีโอกาสเสมอกัน
  • เส้นทางการพัฒนาของ PulseX จะโฟกัสไปที่เทคโนโลยี Heavy Lift Drone ตอบโจทย์การใช้งานด้านความมั่นคง

นัทธี อินต๊ะเสน ประธานบริษัท พัลซ ไซเอนซ์ จำกัด มองเห็นโอกาสและศักยภาพของคนไทยในการพัฒนานวัตกรรมโดรนโดยสาร  ด้วยความที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แต่ละประเทศจึงมีโนว์ฮาวใกล้เคียงกันหรืออยู่บนเส้นสตาร์ตเดียวกัน มีโอกาสเสมอกัน

ผมมองเห็นโอกาสที่จะทำให้เกิดอุตสาหกรรมโดรนโดยสารที่เป็นแบรนด์ไทย เป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนจากไทย เหมือนกับแบรนด์ EV จากจีนที่มีหลากหลายยี่ห้อส่งไปขายทั่วโลก

“ไทยเรามีบทเรียนมาแล้วทั้งในเรื่องการผลิตเครื่องบิน จากที่เคยเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องบินรบสูสีกับญี่ปุ่น แต่ก็มีเหตุให้ต้องหยุดชะงักไป หรืออุตสาหกรรมรถยนต์จากผู้ผลิตก็กลายมาเป็นผู้เล่น/ผู้ใช้ ทั้งๆที่เรามีศักยภาพอยู่แล้ว”  

PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

นัทธีวางแผนที่จะสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแวดวงอากาศยานไร้คนขับ โดยดึงศักยภาพของตนเองในการสร้างคอนเนคชั่น ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการภาคเอกชนในกลุ่มของสมาคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ตลอดจนภาคเอกชนที่ออกบูธในงาน “ไทยแลนด์ โดรน เอกซ์โป 2024” ที่เพิ่งผ่านพ้นไป 

นัทธี ได้ก่อตั้งบริษัท พัลซ เอ็กซ์ จำกัด (PulseX) ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ที่ครอบคลุมทั้งอวกาศและการบิน (UAV) ภาคพื้นดิน (UGV) และการป้องกันทางทะเล (USV) สำหรับภารกิจทั่วโลก ด้วยความหลงใหลในเทคโนโลยีและศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของระบบยานยนต์ไร้คนขับ

แรงบันดาลใจของโปรเจกต์ passenger drone มาจากนักร้องในฟิลิปปินส์และนักเรียนระดับอาชีวศึกษาในกัมพูชาที่สร้างโดรนโดยสารด้วยเทคนิคง่ายๆ ได้สำเร็จ

เมื่อหันมามองตัวเองซึ่งเป็นทั้งนักบินและมีความรู้ในเรื่องศาสตร์ทางการบิน จึงตัดสินใจออกแบบและสร้างต้นแบบโดรนโดยสารขึ้นจนสำเร็จ ต่อมาก็ตามมาด้วยโดรนรูปแบบอื่นๆ

PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

passenger drone ลำแรก

passenger drone ลำแรกสร้างสำเร็จเมื่อปี 2563 ในรูปแบบโดรนโดยสาร 1 ที่นั่ง ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion polymer “Li-Poly” ที่มีความจุไฟฟ้ามากกว่า Li-ion ถึง 20% ในขนาดแบตเตอรี่ที่เท่ากัน มีความแข็งแรงสูง เกิดประกายไฟน้อย และทนต่อการกระชาก

โครงสร้างเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงคงทน ส่วนของปีกมีความยาว 42 นิ้ว ระยะเวลาบิน 30 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 

PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

จากต้นแบบลำแรกได้พัฒนาเป็นโดรนโดยสารลำใหญ่ขึ้น มีจำนวนใบพัดมากขึ้นและใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 62 นิ้ว มอเตอร์ขนาด 60 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 80 แรงม้า ระยะเวลาการบิน 30 นาทีเท่ากับลำแรก แต่บินได้เร็วกว่า โดยบินได้สูงไม่เกิน 500 เมตรจากพื้นดิน 

โดรนรุ่นใหม่มีน้ำหนักเครื่อง 150 กิโลกรัม น้ำหนักโหลด 100 กิโลกรัม รวมน้ำหนักสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลกรัม

ปัจจุบันโดรนโดยสารทั้ง 2 ลำยังไม่ได้พัฒนาในเชิงพาณิชย์ ด้วยข้อกฎหมายของไทยยังไม่อนุญาต ประกอบกับทางบริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ต้องรอให้กฎหมายอนุญาตให้ประกอบการเชิงพาณิชย์ได้จึงจะสามารถทำการตลาด

โดรนเพื่อความมั่นคง

สถาบันการบินพลเรือนยกเว้นการขึ้นทะเบียนโดรนน้ำหนัก 25 กิโลกรัม แต่โดรนที่ PulseX พัฒนาจะเป็นโดรนใหญ่ที่น้ำหนักสูงเกิน 100 กิโลกรัมจึงต้องพัฒนาร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงอย่าง กองทัพ ตำรวจ หน่วยงานด้านกู้ภัย ป่าไม้ ที่จะมีกฎหมายอีกฉบับใช้บังคับ

PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

ขณะที่กฎหมายที่ใช้บังคับโดรนพลเรือนนั้นจะมีกฎระเบียบเข้มงวด เน้นปลอดภัยสูงเพราะใช้ท้องฟ้าร่วมกับสายการบิน และบินผ่านชุมชน แต่โดรนด้านยุทธการมีพื้นที่ปฏิบัติการห่างไกลชุมชน

นัทธี กล่าวว่า หลังจากพิจารณาความต้องการในตลาดแล้ว เส้นทางการพัฒนาของ PulseX จะโฟกัสไปที่เทคโนโลยีโดรนขนาดใหญ่ที่มีแรงยกสูง (Heavy Lift Drone) 

โดรนแรงยกสูงนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านความมั่นคง โดรนช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่น ขนย้ายผู้ป่วย ลำเลียงยาและเวชภัณฑ์ โดรนลาดตระเวน เป็นต้น โดยทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับหน่วยงานทางทหาร 

“โดรนแรงยกสูงมีโอกาสการใช้งานสูง เช่น สามารถใช้ทดแทนภารกิจขนส่งเสบียงของเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งมีค่าชั่วโมงบินสูงอาจจะไม่คุ้มค่าในการทำภารกิจระยะ 50-100 กิโลเมตรจากฐาน เมื่อเทียบกับการใช้โดรนที่ต้นทุนการบินต่ำกว่า”

PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

ยกตัวอย่างเช่น Heavy lift D-MERT โดรนลำเลียงผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดใหญ่ สามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงถึง 100 กิโลกรัม ผลงานร่วมวิจัยกับกรมแพทย์ทหารบก ได้รับรางวัลชนะเลิศผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ทางทหารของกระทรวงกลาโหม ประจำปี 2566 

นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพในการดำรงสภาพหรือพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ให้สูงขึ้นแล้ว ยังสามารถผลักดันนำไปสู่การผลิตเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ทดแทนยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศได้ด้วย.

PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน