‘ซัมซุง’ เปิดเกมรุก‘จอภาพดิจิทัล’ ทรานส์ฟอร์มสู่ยุคอัจฉริยะ
การเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation ส่งผลความต้องการเครื่องมือทางการตลาด อย่าง “จอดิจิทัล” หรือบรรดาจอดิสเพลย์รุ่นใหม่ ที่ทำหน้าที่เสมือนจออัจฉริยะ!!
เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันจากฟังก์ชั่นที่สามารถนำเสนอ หรือปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ สื่อสารได้แบบเรียลไทม์!! ขยายตัวสูงต่อเนื่องทดแทน “จอเก่า” อย่างป้ายโฆษณา บิลบอร์ด ที่อาจมีฟังก์ชั่นเพียงมิติเดียว
เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ รองประธาน ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และ จีรภา คงสว่างวงศา ผู้อำนวยการ ผลิตภัณฑ์จอภาพเพื่อธุรกิจองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ไทยเป็นตลาดศักยภาพสูงที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของจอภาพดิจิทัล จากกระแสการเร่งเปลี่ยนผ่าน!! หรือทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ทำให้ภาคธุรกิจมีการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านดิจิทัลมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่ม Smart Signage หรือ ป้ายประชาสัมพันธ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ (จอภาพอัจฉริยะ) เป็นตลาดสำคัญที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยผลิตภัณฑ์หน้าจอสัมผัสและวิดีโอวอลล์ (Video Wall) คือกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุด จากความต้องการเพื่อทดแทนเครื่องฉายโปรเจกเตอร์แบบเดิม และการใช้งานในสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ หรือ โคเวิร์กกิ้งสเปซ เป็นไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์ทั่วโลกที่จอ Digital Signage เติบโตต่อเนื่อง ผู้ใช้ต่างมองหาสมาร์ทฟีเจอร์ จอที่ใหญ่ขึ้น และคุณภาพความคมชัดมากขึ้น
"กลยุทธ์ของซัมซุงในฐานะแบรนด์ที่นำเสนอโซลูชั่นจอภาพที่หลากหลายจะมุ่งปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของลูกค้าภาคธุรกิจว่าเทคโนโลยีดิจิทัลคือความจำเป็นที่จะต้องมี (Must Have) พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลผ่านเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกัน”
จะเห็นว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจเริ่มปรับแพลตฟอร์มการใช้เครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ชอปปิงมอลล์ไฮเอนด์ ร้านอาหารภัตตาคาร โรงพยาบาล ธนาคาร มีการลงทุนและเพิ่มความสำคัญในการใช้จอดิจิทัลหรือจออัจฉริยะในการเข้าถึงและดึงดูดความสนใจลูกค้า!! ส่งผลจออัจฉริยะเติบโตก้าวกระโดดแทนที่โปรเจกเตอร์ และจอแบบเดิมๆ
จากรายงานของ IHS Markit ระบุว่า ตลาดจอดิจิทัลเชิงพาณิชย์ทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น และมีแนวโน้มที่น่าสนใจแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น ตลาด LED Signage จะเติบโตขึ้นแตะ 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2 แสนล้านบาท ในปี2565 โดยจะเปลี่ยนไปสู่จอที่มีความละเอียดเพื่อการใช้งานภายในอาคาร (Indoor LED) มากขึ้น และจะมีสัดส่วนสูงถึง 71% ของ LED Signage ทั้งหมดในปี 2565
ส่วนตลาด Smart Signage หรือ LFD (Large Format Display) ในปี 2565 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 17,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยหน้าจอขนาด 65 นิ้วขึ้นไปจะครองสัดส่วนมากถึง 60% และมากกว่า 54% เป็นหน้าจอสัมผัส ซึ่งซัมซุงเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มานานกว่า 10 ปี เช่นเดียวกับ ตลาดทีวีสำหรับโรงแรม (Hospitality TV) และจอมอนิเตอร์ในกลุ่มพรีเมียม ที่ไต่ระดับการเติบโตเช่นเดียวกัน
“เทรนด์ที่น่าสนใจไม่เพียงธุรกิจรายใหญ่เท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการใช้จอดิจิทัล แต่ร้านค้าจำนวนมากโดยเฉพาะเทรดดิชั่นนอลเทรดกำลังมองหาแพลตฟอร์มใหม่ๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยจอดิจิทัลเช่นกัน จะทำให้ตลาดมีความเคลื่อนไหวคึกคักยิ่งขึ้น”
ล่าสุด ซัมซุง เข้าร่วมงาน InfoComm Southeast Asia จัดแสดงเทคโนโลยีภาพและเสียงครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 15-17 พ.ค. ที่ไบเทค บางนา นำเสนอเทคโนโลยีจอภาพดิจิทัลที่สามารถปรับให้เข้ากับรูปแบบและความต้องการที่แตกต่างของทุกๆ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ค้าปลีก ร้านอาหารแบบฟาสต์ฟู้ด สื่อโฆษณาดิจิทัลนอกบ้าน (DOOH) ลูกค้าองค์กร ธุรกิจบันเทิง โรงพยาบาล และธุรกิจรักษาความปลอดภัย โดยมีไฮไลต์ เดอะวอลล์ (The Wall) โมดูลาร์ ไมโครแอลอีดี ขนาดใหญ่ อวดโฉมเป็นครั้งแรกในภูมิภาค พร้อมนำเสนอจอภาพแบบใหม่ QLED 8K Signage ขนาด 82 นิ้ว ผลิตภัณฑ์หน้าจอแสดงผลเชิงพาณิชย์รุ่นล่าสุด 2019 4K UHD signage, Semi-Outdoor OMN/OMN-D Series, Full-Outdoor OHN/OHN-D Series รวมทั้ง Flip ดิจิทัลฟลิปชาร์ทอัจฉริยะ
นับเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ภายใต้ความท้าทายของ “ซัมซุง” มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดจอภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%