'รมว.เกษตรฯ' ฟุ้งราคายางพาราดีขึ้นฤดูเปิดกรีดนี้
"รมว.เกษตรฯ" ฟุ้งราคายางพาราดีขึ้นฤดูเปิดกรีดนี้ ดันเมกกะโปร์เจ็ก ทำถนนยางทั่วไทย 3 ประเทศจับมือลดส่งออก 2.4 แสนตัน 4 เดือนใช้วิธีเชิญชวนตามความสมัครใจ
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า มาตรการลดการส่งออกยางพาราของไทยซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม ถึง 19 กันยายน 62 ตามที่บริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ (IRCo) โดยอินโดนีเซียขอความความมือมานั้น
ทั้งนี้ปีนี้ไทยจะใช้มาตรการเชิญชวนการลดการส่งออกยางพารมตามความสมัครใจและไม่ได้นำพ.ร.บ.ควบคุมยางพารา พ.ศ. 2542 มาบังคับเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการค้าเสรี ล่าสุดการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้ประชุมมาตรการจำกัดการส่งออกยางพารา (AETS) ครั้งที่ 6 ร่วมกับผู้ส่งออกยาง 197 ราย โดยชี้แจงว่า มาตรการ AETS มาจากการประชุมไตรภาคียางระหว่างประเทศซึ่งหารือเรื่องการลดส่งออกยางพารารวม 240,000 ตัน ซึ่งอินโดนีเซียลดส่งออก 98,160 ตัน มาเลเซียลดส่งออก 15,000 ตันที่เริ่มดำเนินการไปก่อนแล้วตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 31 กรกฎาคม 62
ส่วนไทยนั้นจะเชิญชวนผู้ประกอบการให้ลดการออกประมาณ 126,240 ตันโดยไม่ใช้กฎหมายควบคุมยาง พ.ศ.2542 มาบังคับให้มีการลดการส่งออกเหมือนปีก่อนๆเพราะเป็นขัดกับหลักการค้าเสรีโดยกยท.จะเชิญชวนเข้าโครงการสมัครใจลดการส่งออก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสม น้ำยางข้น และยางคอมปาวด์ ทั้งนี้มอบหมายให้ทูตเกษตรต่างประเทศ สำนักเกษตรต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงฯ รวมทั้ง กยท.ชี้แจงรายละเอียดของโครงการดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่นในต่างประเทศเพื่อให้ภาคเอกชนในประเทศต่างๆ รวมทั้งในตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าในต่างประเทศทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการเชิญชวนลดการส่งออกด้วย
นายกฤษฏา ยังส่งไลน์ด่วนที่สุดเรื่องเร่งชี้แจงมาตรการจำกัดการส่งออกยางพาราตามความสมัครใจ ให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ผู้ตรวจราชการ และรักษาการผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ตามที่มีสื่อบางแห่งลงข่าวเรื่องการจำกัดการส่งออกยางพาราที่บริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ(IRCO)โดยอินโดนีเซียขอความความมือมา ในส่วนประเทศไทยโดยกระทรวงเกษตรฯได้ให้ความร่วมมือ
“จึงขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนต่างๆทราบต่อไปด้วย ขอให้สำนักเกษตรต่างประเทศ สป.กษ.รวมทั้ง กยท.และสำนักงานทูตเกษตรทุกแห่งเร่งแปลข้อความชี้แจงของรมว.กษ.ให้ภาคเอกชนในประเทศนั้นๆรวมทั้งในตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าในต่างประเทศทราบด้วย”นายกฤษฏา กล่าว
ด้านนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่ากยท. กล่าวว่า ปริมาณยางพาราที่ไทยจะลดการส่งออกใน 4 เดือน รวม 126,260 ตันโดยคำนวณจากผลผลิตยางในปี 2561 ตามสถิติของ สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) จึงแบ่งสัดส่วนแก่ผู้ส่งออกยาง 64 รายที่ส่งออกมากกว่า 3,000 ตันขึ้นไปจะลดปริมาณการส่งออกลงร้อยละ 9.76 แต่หากผู้ส่งออกรายใดได้ใช้สิทธิ์ในเดือนใดเดือนหนึ่งน้อยกว่าปริมาณที่ได้รับจัดสรรเฉลี่ยต่อเดือนสามารถนำส่วนที่เหลือไปใช้สิทธิ์ในเดือนอื่นได้ให้ครบตามโควต้า
นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการส่งออกยางที่รวบรวมโดยกรมศุลกากร ในปี 2561 มีปริมาณรวม 4,300,547 ตัน โดยยาง 5 ชนิดที่ควบคุมมีปริมาณ 4,213,773 ตันจากผู้ประกอบการทั้งหมด 190 ราย แต่รายที่ส่งออกตั้งแต่ 3,000 ตันขึ้นไปมี 64 ราย สำหรับผู้ส่งออกยางที่ไม่มีประวัติการส่งออกตามข้อมูลของกรมศุลกากรระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม ถึง 19 กันยายน 61 ให้ใช้จำนวนสถิติล่าสุดหรือทำแผนการส่งออกในช่วงเวลาดังกล่าวมาพิจารณา ทั้งนี้ผลจากการหารือ ผู้ส่งออกยินดีร่วมมือเพื่อจะให้เกิดผลในการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา ที่จะประกอบกับมาตรการส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งจะทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น