'ส.ว.50' ก่อหวอดค้าน 'พรเพชร' นั่งประมุขสภาสูง
“ส.ว.50” ก่อหวอดค้าน “พรเพชร” นั่งประมุขสภาสูง ขอเจ้าตัวแจงข้อเท็จจริง วอน เปิดพื้นที่ให้แข่งขัน ด้าน “อดีตส.ว.” เรียกร้อง "ส.ว.”ให้เคารพตนเอง-ลงมติอิสระ เปิดพื้นที่โชว์วิสัยทัศน์ เชื่อเป็นบทพิสูจน์ทำตามเสียงกระซิบใครหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานต่อกรณีการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง และรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ที่มีกระแสข่าวว่ามีบุคคลที่ถูกวางในตำแหน่งดังกล่าวอย่างลงตัว คือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับตำแหน่งประธานวุฒิสภา, พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร อดีต ส.ส. รับตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง และนายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่สองนั้น ล่าสุดมีกระแสต่อความไม่พอใจในประเด็นดังกล่าว ผ่านกลุ่มที่เคยทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติมาเป็นเวลานานและต้องการให้มีการแข่งขันในการเลือกทั้ง 3 ตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาที่ยึดการแข่งขันที่เป็นธรรม และให้สมาชิกวุฒิสภาได้สิทธิลงคะแนนเลือก เพื่อสร้างการยอมรับ
แหล่งข่าวจากรัฐสภา รายงานว่ากลุ่มส.ว.ที่พยายามสร้างแรงกระเพื่อมภายใน มีประมาณ 50 คน และต้องการให้ตำแหน่งประธานวุฒิสภามีการแข่งขัน ขณะที่การวางตัวนายพรเพชร ไว้นั้น ถือเป็นความไม่เหมาะสมและการทำงานที่ผ่านมาของนายพรเพชร ถูกวิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ ดังนั้นกลุ่มส.ว.ดังกล่าวพยายามเรียกร้องให้ฝ่ายที่จัดตั้งของนายพรเพชรชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่เช่นนั้นภาพของวุฒิสภาจะถูกสังคมวิจารณ์ได้ว่าเป็นสภาที่สามารถสั่งให้ซ้ายหันหรือขวาหันได้ และต้องการให้นายพรเพชรประสานทำความเข้าใจกับส.ว. ก่อนที่จะมีการลงมติเลือกประธานวุฒิสภา วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้หากไม่มีการพูดคุย ส.ว.กลุ่มที่ไม่พอใจจะเสนอชื่อบุคคลเข้าแข่งขัน แม้การลงคะแนนจะแพ้นายพรเพชร ก็ตาม
และจากกรณีดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวของ อดีต ส.ว. ที่เสนอความเห็นและเรียกร้องให้การเลือกประธานวุฒิสภา เป็นสภาที่มีความอิสระ โดย นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว. โพสต์แสดงความเห็นโดยเรียกร้องให้เปิดพื้นที่ที่เป็นประชาธิปไตยต่อการเสนอชื่อบุคคลเป็นประธานวุฒิสภา ผ่านการลงความเห็นโดยอิสระ และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม รวมถึงกำหนดวาระดำรงตำแหน่งของตนเองเพียง 2 ปีครึ่ง เพื่อให้บุคคลอื่นได้ขึ้นมาทำหน้าที่
“การเลือกประธานวุฒิสภา เป็นบทพิสูจน์ศักดิ์ศรีและความเป็นตัวเองในองค์อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่ท้าทายว่าวุฒิสมาชิกจะเป็นตัวของตัวเองหรือยอมทำตามเสียงกระซิบสั่งจากใครไม่รู้ที่ทำให้เชื่อว่าเป็นของจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากของคนกลุ่มหนึ่ง โดยวุฒิสมาชิกชุดนี้ต้องเคารพตนเองและดำรงความเป็นอิสระ” นายประสาร ระบุ