4 ผู้ชนะในศึกการค้าจีน-สหรัฐ
ชาวอเมริกันซื้อของจากจีนน้อยลงก็จริง แต่ก็ไม่ได้หันไปอุดหนุนผู้ผลิตสหรัฐ กลับเลี่ยงกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ไปหาซับพลายเออร์อื่นในเอเชียแทน
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า มี 4 ประเทศที่เป็นผู้ชนะในสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ได้แก่ เวียดนาม ไต้หวัน เกาหลีใต้และบังกลาเทศ
สำนักสำมะโนสหรัฐ เผยสถิติเมื่อวาน ( 3 ก.ค.)ว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ สหรัฐนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การนำเข้าจากเวียดนาม เพิ่มขึ้น 36% เช่นเดียวกับไต้หวัน นำเข้าเพิ่ม 23% จากบังกลาเทศ เพิ่มขึ้น 14% และเกาหลีใต้ 14%
การขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ ทำให้การนำเข้าสินค้าบริโภคอย่างหมวกเบสบอล กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ และจักรยาน ที่ผลิตในจีน มีราคาแพงขึ้น ภาษียังกระทบสินค้าอุตสาหกรรมและเครื่องจักรหลายรายการ รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องล้างจาน เครื่องซักผ้า เครื่ออบผ้าและเครื่องกรองน้ำ
ทรัมป์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังพบประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระหว่างร่วมประชุมจี-20 ที่ญี่ปุ่นว่าการเจรจากลับมาอยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็น และภาษีอัตราใหม่จะระงับไว้ก่อน แต่เจ้าของธุรกิจอเมริกันตื่นตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เมื่อรัฐบาลทรัมป์ ขึ้นภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ จาก 10% เป็น 25% โดยอ้างว่าจีนผิดข้อตกลงก่อนหน้า นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่ประกาศใช้ภาษีใหม่กับสินค้านำเข้าจากจีนที่ยังเหลือ ซึ่งก็อาจกระทบสมาร์ทโฟน ของเล่น รองเท้าและปลา เป็นลำดับต่อไป
ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่า การเจรจากับปักกิ่งจะต้องได้ผลดี เพราะมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ บีบบริษัทย้ายออกจากจีน ไปยังประเทศอื่น รวมถึงบริษัทของจีนเอง
แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าบริษัทย้ายการผลิตออกจากจีนแบบถาวร หรือแค่ยักย้ายเส้นทางสินค้าผ่านกระบวนการเล็กน้อยก่อนส่งไปยังสหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้สำนักศุลกากรเวียดนาม ประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า จะเริ่มกวาดล้างสินค้าผลิตในจีนแต่ติดฉลากผิดกฎหมายว่า ผลิตในเวียดนาม เพราะบริษัทเหล่านั้นพยายามหลีกเลี่ยงภาษีสหรัฐ
การหาผู้ผลิตนอกประเทศจีน ที่สามารถผลิตสินค้าแบบเดียวกัน คุณภาพเดียวกันและราคาถูก ไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน หรือหลายปี ผู้นำเข้าอาจตัดสินใจยอมจ่ายเพิ่มเดิมพันว่าทรัมป์จะยกเลิกกำแพงภาษีในไม่ช้า หรืออาจเลือกโยนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ผู้บริโภคในช่วงเวลาหนึ่ง
ผลสำรวจโดยหอการค้าอเมริกัน และหอการค้าจีนในเซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนพฤษภาคม พบว่า บริษัท 40% กำลังพิจารณาย้าย หรือย้ายการผลิตออกจากจีนแล้ว เนื่องจากมาตรการภาษี โดยบริษัทที่ย้ายออกแล้ว ราว 1ใน 4 ย้ายไปยังประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีไม่ถึง 6% ที่ย้ายกลับหรือกำลังคิดจะย้ายไปสหรัฐอเมริกา
เหตุที่การนำเข้าจากประเทศอื่นๆนอกจีน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เนื่องจากการผลิตบางส่วนย้ายออกจากจีนไปยังประเทศที่ได้เปรียบด้านค่าแรง ตั้งแต่ก่อนทรัมป์เก็บภาษีเพิ่มแล้ว
ซีเอ็นเอ็นระบุว่า การนำเข้าของสหรัฐจากเวียดนามและเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดกว่าทศวรรษ ขณะสองประเทศเพิ่มผลิตเสื้อผ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามลำดับ
ไต้หวันและเกาหลีใต้มุ่งส่งออกสินค้าไฮเทค เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ส่วนเวียดนามกับบังกลาเทศได้เปรียบเรื่องค่าแรง ทำให้สองประเทศนี้เป็นแหล่งดึงดูดสินค้าพวกเสื้อผ้าและรองเท้า