ฟอร์ด-โฟล์คสวาเกนร่วมทุนผลิตรถอีวี
ความร่วมมือของทั้ง2บริษัทจะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลงและในอนาคตอันใกล้อาจถูกกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
ฟอร์ด และโฟล์คสวาเกน เตรียมประกาศแผนพันธมิตรในโครงการใหม่ที่มีการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติและรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะเปิดโอกาสให้ฟอร์ด เข้าถึงแพลตฟอร์ม MEB หรือModular Electric Drive Matrix ซึ่งเป็นการออกแบบยานยนต์ใหม่ทั้งหมดเพื่อวางแบตเตอรี และมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
โดยรุ่นแรกที่ออกแบบภายใต้แพลตฟอร์มดังกล่าวคือ I.D. รถยนต์ไฟฟ้าทรงแวนขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้
โฟล์คสวาเกน ระบุว่า รถในกลุ่ม I.D. เป็นหมุดหมายที่สำคัญของบริษัท นับตั้งแต่มีการเผยโฉมรถยนต์ที่เป็นไอคอนและประสบความสำเร็จสูงสุดของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาอย่าง โฟล์คสวาเกน บีทเทิล และโฟล์คสวาเกน กอล์ฟ
ที่ผ่านมา โฟล์คสวาเกนเปิดรับจอง ID.3 ล่วงหน้าในยุโรปไปแล้วด้วยเงินมัดจำ 1,000 ยูโร ซึ่งหลังจากเปิดจองไปได้เพียง 24 ชม. มีผู้ลงทะเบียนจองแบบออนไลน์จำนวนกว่า 10,000 รายด้วยกัน
ภายใต้ข้อตกลงที่ทำร่วมกับฟอร์ด โฟล์คสวาเกนจะเข้าถือหุ้นในอาร์โก เอไอ บริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนารถขับเคลื่อนอัตโนมัติ มีฐานดำเนินงานอยู่ในพิตสเบิร์ก โดยอาร์โก เอไอจะเข้าไปตั้งสำนักงานแห่งแรกในยุโรปเพื่อทำงานกับโฟล์คสวเกนได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ฟอร์ด และโฟล์คสวาเกนวางแผนประกาศความร่วมมือครั้งนี้ในวันศุกร์(12ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยทั้งสองบริษัทมองว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการพัฒนายนตรกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
ในความร่วมมือครั้งใหม่นี้ ทั้งฟอร์ด และโฟล์คสวาเกนลงขันหลายพันล้านดอลลาร์ โดยทั้งสองฝ่ายจะแบ่งปันทรัพย์สินทางปัญญากันครอบคลุมทุกด้านเพื่อผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติและรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับผู้ขับขี่ทุกรุ่น ทุกวัย และการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดแข่งขันของทั้ง2บริษัท นอกเหนือจากการมีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น
ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อ เนื่องจากยังไม่มีการประกาศความร่วมมือนี้อย่างเป็นทางการ กล่าวว่า โฟล์คสวาเกนจะให้ฟอร์ดเข้าถึงแพลตฟอร์มที่สำคัญในกระบวนการผลิตรถไฟฟ้าหลายสิบรุ่นซึ่งโฟล์คสวาเกนวางแผนที่จะทำตลาดรถที่เกิดจากความร่วมมือครั้งนี้ภายในเวลา5ปีนับจากนี้ไป
แนวโน้มที่ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกร่วมมือ หรือหารือกับพันธมิตรผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติและรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) หวังลดต้นทุนการผลิต ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ฮอนด้าเคยประกาศร่วมลงทุนในบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติของจีเอ็มที่ชื่อ ครุยส์ ออโตเมชันในวงเงินสูงถึง 2,750 ล้านดอลลาร์
การเปิดโอกาสให้ฟอร์ดสามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอีวีบนพื้นฐานของโฟล์คสวาเกนจะช่วยเปิดโอกาสให้รถยนต์ไฟฟ้าอีวีมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ และอาจจะถูกลงกว่ารถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลในอนาคต
โฟล์คสวาเกน กรุ๊ปทุ่มงบประมาณ 34,000 ล้านยูโร เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติจนถึงปี 2565 โดยวางแผนผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าให้ได้ถึง 2-3 ล้านคันต่อปี ภายในปี2568
เจ้าหน้าที่ของทั้งฟอร์ด และโฟล์คสวาเกน ยืนยันว่า นอกจากร่วมมือกันในครั้งนี้แล้ว ทั้ง2บริษัทยังมองหาโอกาสที่จะร่วมมือกันในด้านอื่นๆด้วย
“ท่ามกลางบรรยากาศที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้ เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะใช้รูปแบบการร่วมลงทุน แบ่งปันศักยภาพด้านนวัตกรรม และผลิตรถยนต์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม”เฮอร์เบิร์ต ดิเอสส์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)โฟล์คสวาเกน กล่าว
ทั้งฟอร์ดและโฟล์คสวาเกนผลิตรถยนต์ออกสู่ตลาดโลกจำนวน 18 ล้านคันในปี 2561 หรือประมาณ 20% ของจำนวนรถยนต์ใหม่ที่ผลิตในตลาดโลก