'สถิตย์' แนะสปสช. บริหารรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพเพื่อความยั่งยืนทางการคลัง
"ดร.สถิตย์" แนะสปสช. บริหารรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพเพื่อความยั่งยืนทางการคลัง หลังพบงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 59 ไม่มั่นคง
ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา ได้อภิปรายถึงรายงานรายรับรายจ่ายของเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 59 พบว่าฐานะทางการเงินอ่อนแอ โดยตัวเลขหนี้สินปี 59 อยู่ที่ 7,880 ล้านบาท มากกว่าปี 58 26.5% และปี 59 รายจ่ายมากกว่ารายได้ 1,913 ล้านบาท ในขณะที่ปี 58 รายได้มากกว่ารายจ่าย 83 ล้านบาท
ในขณะที่ตัวเลขจาก สปสช.เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่างบกองทุนหลักประกันสุขภาพปี 63 จำนวน 190,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.97% โดยรายจ่ายหลักมาจากรายจ่ายเหมาจ่ายรายหัว 173,750 ล้านบาท หรือ 91% ของวงเงินจัดสรร ที่ต้องดูแลประชากรที่เข้าข่ายประมาณ 48 ล้านคน และแนวโน้มผู้เข้ารับการรักษาอย่างมากขึ้นโดยผู้สูงอายุจะเข้าโรงพยาบาลประมาณ 7ครั้ง/คน/ปี ทำให้รายจ่ายกองทุนสูงขึ้นและกองทุนไม่สามารถหารายได้เข้ากองทุนได้จึงต้องพึ่งรายจ่ายงบประมาณถึง 99.7% ซึ่งจะทำให้เกิดภาระทางการคลังมากขึ้น
และรายจ่ายก้อนใหญ่สุดที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีคืองบเหมาจ่ายรายหัวเฉลี่ยปี 2563 เพิ่มขึ้นภายใน 4 ปีจากปี 2559 ถึง 18.9% ซึ่งถือว่าสภานะทางการเงินไม่ค่อยจะดีนัก
ดร.สถิตย์ จึงเสนอแนะ สปสช.ให้บริหารรายจ่ายด้วยความระมัดระวังเพื่อความมั่นคงทางการเงินการคลังและควรมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา
นอกจากควรบริหารรายรับรายจ่ายให้สมดุลย์แล้วที่สำคัญ สปสช. ควรเป็นเจ้าภาพให้โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์และประชาชน ในการบริหารจัดการเชื่อมโยงข้อมูลแบบไร้รอยต่อทั้งระบบประกันสุขภาพแบบถ้วนหน้า ระบบรักษาพยาบาลข้าราชการและระบบประกันสังคม โดยเสนอให้ใช้ระบบดิจิตอลในการรวมข้อมูลทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว ทั้งแฟ้มเวชระเบียนและสมุดพกพาแบบดิจิตอล เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพของคนไทยทั้งหมดอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพแบบยั่งยืน