นายกฯแจงยิบกว่า 10 เรื่อง แก้ปัญหาปชช.-ส่งออกข้าว

การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาล ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อรัฐสภา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เป็นลำดับการอภิปรายของ ส.ส.พรรครัฐบาล และ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยให้ความเห็นต่อแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและแก้ปัญหาความเดือดร้อนทางด้านการดำรงชีพของประชาชน นอกจากนั้นมีข้อเสนอต่อการแก้ปัญหาภัยแล้งและความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

ทั้งนี้ 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงในหลายประเด็น อาทิ การลงทุนกับต่างประเทศ, ความร่วมมือกับต่างประเทศในการลงทุนต่างๆ , การทุจริตในหน่วยงานราชการ, พลังงาน,​การค้า การลงทุน, ยางพารา, แก้ปัญหาภัยแล้ง, แก้ปัญหาหนี้สินให้กับชาวนา, ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ที่ผู้ค้าขายสินค้าได้น้อยลง, การพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ใช้แรงงาน รวมถึงชี้แจงในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยที่เป็นรัฐบาลชุดที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนหนึ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจง ต่อการผลิตข้าวส่งออกต่างประเทศ นายกฯ นึกชนิดข้าวที่ส่งขายแอฟริกาไม่ออก ทำให้ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ และถามผ่านไมโครโฟนด้วยว่า “ข้าวอะไรนะ ที่ส่งขายประเทศแอฟริกา ข้าวอะไรเธอ เออข้าวนึ่ง ขอบคุณครับ” จากนั้นนายกฯ ได้ยุติการชี้แจงทันที ทำให้สร้างเสียงหัวเราะในห้องประชุมได้

จากนั้นนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงปัญหาภัยแล้ง เพราะฝนทิ้งช่วง คือ สั่งการบริหารจัดการน้ำอุปโภค บริโภค และการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพ ในระยะเร่งด่วน​ ส่วนพื้นที่ปลูกข้าวที่ได้รับความเสียหาย แม้จะแก้ไขไม่ได้ แต่สั่งให้หน่วยงานราชการสำรวจความเสียหาย เพื่อจ่ายเงินชดเชยตามขั้นตอน นอกจากนั้นคือ ส่งรถน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคเพื่อดูแลพื้นที่ประสบภัยแล้ง ขณะที่การทำฝนเทียม สั่งให้ขึ้นบินทุกวันเมื่อพบภาวะอากาศที่สามารถทำฝนเทียมได้ ขณะที่การแก้ปัญหาระยะยาวคือการฟื้นโครงการเติมน้ำเข้าเขื่อน นอกจากนั้นพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย ทั้งนี้ตนยืนยันว่ารัฐมนตรีที่ดุกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำงานด้วยระบบทีม

ขณะที่นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงต่อการขายสินค้าออนไลน์ ว่า จากการรับเรื่องร้องเรียน พบปัญหา อาทิ สั่งซื้อชำระเงินไม่ได้สินค้าโฆษณาเป็นเท็จ สินค้าไม่ตรงตามการสั่งซื้อและไม่ได้มาตรฐาน รัฐบาลเป็นห่วงผู้บริโภค อย่างไรก็ตามขณะนี้มีสภาว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค และรัฐบาลเตรียมจัดสรรรงบประมาณอุดมหนุน จำนวน 350 ล้านบาท เพื่อรับเรื่องและดำเนินการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภค เป็นช่องทางเพิ่มเติมนอกจากกลไกของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค