ปรับ 2 พัน 'เพนกวิน-บอล' แขวนพริกเกลือไล่ 'ประยุทธ์'
ศาลพิพากษา ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ไม่แจ้งชุมนุม จนท. ทราบก่อน 24 ชม. ลงโทษปรับตาม ก.ม. "เพนกวิน" เรียกร้อง ส.ส.หัวใจประชาธิปไตย ทบทวนแก้กฎหมาย สนช. สร้างเสรีภาพ
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.62 เวลา 13.30 น. ที่ศาลแขวงดุสิต ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.370/2562 ที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน อายุ 21 ปี อดีตเลขาธิการของกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท และนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และนายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือบอล อายุ 21 ปี นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 10 ที่บัญญัติผู้ใดประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะ ให้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อย 24 ชั่วโมง ระวางโทษให้ปรับสูงสุดได้ไม่เกิน 10,000 บาท
โดยกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ก.พ.62 จำเลยและกลุ่มเพื่อนนักศึกษา เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล ตามที่ นายพริษฐ์ จำเลยที่ 1 โพสต์ข้อความเชิญชวนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ร่วมเดินขบวน ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนั้น เสรี สุจริตและเป็นธรรม โดยจำเลยทั้งสอง เดินมายังประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล และนำพวงมาลับพริกแห้ง-กระเทียม ถุงใส่เกลือ แขวนไว้ที่รั้วทำเนียบฯ ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ และได้รับการปล่อยตัวระหว่างการพิจารณา โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์
นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน และนายธนวัฒน์ เดินทางมาพร้อมฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่สองฝ่ายนำสืบแล้ว เห็นว่าการกระทำของทั้งสองเป็นความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาให้ปรับคนละ 2,000 บาท
ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการทำกิจกรรมทางการเมืองโดยเปิดเผยในที่สาธารณะ ซึ่งมีเพียง 3-4 คน แต่กฎหมายฉบับนี้ไม่มีบทนิยามคำว่า การชุมนุมในที่สาธารณะเป็นอย่างไร ทั้งที่การทำกิจกรรมพวกตนนัดหมายกันมาคุยเพียง 3-4 คนเท่านั้น ขณะที่ศาลมองว่าตนไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการชุมนุม และในการชุมนุมของตนไม่ได้จัดให้มีการปิดกั้น ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาล ตนก็เคารพในคำตัดสินเพราะศาลตัดสินตามตัวบทกฎหมาย แต่สิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย คือ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฉบับนี้ที่ออกโดย สนช. ลูกไล่ของ คสช. เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ดังนั้นวันนี้ตนขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆ หรือผู้ชนะการเลือกตั้งแล้วเข้าไปอยู่ในสภาที่ยังมีหัวใจเป็นประชาธิปไตย ได้โปรดออกมาทบทวนแก้ไขเพื่อให้เกิดเสรีภาพแก่ประชาชน ส่วนคดีนี้ตนจะปรึกษาทนายความเพื่อดูว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ อย่างไร ส่วนกิจกรรมการเมืองยังมีต่อไป
ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่เดินทางมาให้กำลังใจและติดตามคดี ก็กล่าวว่า เห็นใจน้องทั้งสองที่ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างถูกต้อง สงบ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์แขวนพริกเกลือเพื่อต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นตำแหน่งก่อนเลือกตั้งเท่านั้นเอง อย่างไรก็ขอให้กำลังใจต่อ