กลุ่มโรงกลั่นเด้งยกแผง รับอานิสงส์มาตรการ IMO-โบรกฯอัพเป้าใหม่
กลุ่มโรงกลั่นดันราคาหุ้นบวกยกแผง หลังแห่นักลงทุนแห่ช้อนซื้อเก็งกำไรคึก เหตุคาดรับอานิสงส์มาตรการของ IMO หนุนค่าการกลั่นพุ่งแรง-ราคาหุ้นส่วนใหญ่ต่ำกว่าบุ๊คแวลู่ ฟากโบรกฯ “เครดิต สวิส” อัพเกรด 3 หุ้นในกลุ่ม
นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่าภาพรวมราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างโดดเด่น โดยคาดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีโบรกเกอร์ต่างชาติรายหนึ่งได้ปรับเพิ่มมุมมองหุ้นกลุ่มโรงกลั่นไทยในบทวิเคราะห์ขึ้น 3 บริษัท ได้แก่ IRPC,TOP และSPRC โดยแนะนำให้ลงทุนเพราะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกรณีที่องค์การทางเรือระหว่างประเทศ (IMO) ได้กำหนดให้สายการเดินเรือต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกำมะถันต่ำหรือน้ำมันเตากำมะถันต่ำจาก 3.5% เหลือ 0.5% ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2563 ซึ่งส่งผลให้มีนักลงทุนที่เริ่มกลับมาซื้อเก็งกำไรคึกคักมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มโรงกลั่นนั้น ประเมินว่าผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2562 จะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในงวดไตรมาส 2/2562 หลังค่าการกลั่น (GRM) ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ยที่ระดับ 5.7-5.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 2.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ประกอบกับคาดว่าผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจะปรับตัวลดลงจากช่วงไตรมาส 2/2562 รวมถึงธุรกิจสายปิโตรเคมีบางกลุ่มที่พลิกกลับมาฟื้นตัวขึ้นมาช่วยหนุนผลประกอบการได้บ้าง
ขณะที่คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มในช่วงไตรมาส 4/2562 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการของ IMO และปกติแล้วเป็นช่วงที่ดีมานของโรงกลั่นที่ปรับตัวสูงสุด เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวซึ่งจะหนุนให้ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นหรือพีคสุดของปี โดยฝ่ายวิจัยแนะนำ TOP เป็นหุ้นที่โดดเด่นสุดในกลุ่ม เนื่องจากคาดว่าจะได้รับอานสงส์จากมาตรการของ IMO มากที่สุด และในช่วงที่เหลือของปีนี้โรงกลั่นของบริษัทไม่มีการปิดซ่อมบำรุงแล้ว (ชัดดาวน์) ซึ่งจะทำให้ผลกำไรจะไม่ถูกกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงเหมือนกับบริษัทอื่นๆ
“คาดว่าผลประกอบการกลุ่มโรงกลั่นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3-4 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาก็ปรับตัวลดลงเยอะและหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ยังมีราคาต่ำกว่าบุ๊คแวลู่ จึงทำให้มูลค่าหุ้นกลุ่มโรงกลั่นดึงดูดนักลงทุนมากขึ้นและทำให้มีนักลงทุนกลับมาซื้อเก็งกำไรกันจำนวนมาก”
นางนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่ากลุ่มโรงกลั่นน่าจะได้รับอานิสงส์จากการประมาณการว่าค่าการกลั่นจะเคลื่อนไหวพีคสุดในงวดไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 6-7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากต้นปีที่อยู่ระดับ 2-3ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยหนุนจากมาตรการของ IMO และเข้าสู่ฤดูกาลที่จะมีการเก็บสต็อกน้ำมันมากขึ้น ขณะที่คาดว่าค่าการกลั่นทั้งปีน่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ฟื้นตัวขึ้นมาเฉลี่ยระดับ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนด้านราคาหุ้นของกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมานั้น คาดว่าเป็นเพราะโบรกเกอร์ต่างชาติมีการอัพเกรดราคาหุ้นในกลุ่มและแนวโน้มปัจจัยพื้นฐานในช่วงครึ่งปีหลังที่ฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงราคาหุ้นในกลุ่มที่ลดลงไปค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้เริ่มมีจังหวะเข้ามาซื้อเพื่อเก็งกำไร อย่างไรก็ตามแรงซื้อที่เข้ามาระดับหนึ่งก็อาจทำให้อัพไซด์หุ้นบางตัวเริ่มเหลือไม่มากนัก