แบงก์อินเดียควบกิจการเสริมแกร่งการเงิน

ธนาคารรัฐบาลอินเดีย ควบรวมกิจการเพื่อเสริมแกร่งสถานะทางการเงิน ขณะนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ และซิตี้กรุ๊ป ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีอินเดียในปีงบประมาณ 2562 ลงสู่ระดับ 6%

นายนีร์มาลา สิทธาระห์มาน รัฐมนตรีคลังของอินเดีย เปิดเผยวานนี้ (2ก.ย.)ว่า โอเรียนทอล แบงก์ ออฟ คอมเมิร์ซ และยูไนเต็ด แบงก์ ซึ่งต่างก็เป็นธนาคารของรัฐบาลจะผนวกกิจการกับปันจาบ เนชั่นแนล แบงก์ ซึ่งมีฐานดำเนินงานอยู่ในกรุงนิว เดลี ซึ่งจะทำให้เกิดธนาคารรายใหญ่สุดอันดับ2ของประเทศเป็นรองธนาคารกลางอินเดีย

นอกจากนี้ ธนาคารอันธารา และคอร์พอเรชัน แบงก์ เตรียมควบรวมกิจการกับยูเนียน แบงก์ ขณะที่อินเดียน แบงก์ จะผนวกกิจการกับอัลลาฮาบัด แบงก์ และธนาคารชั้นนำทั้งสองแห่งที่มีฐานดำเนินงานอยู่ทางตอนใต้ของอินเดียคือคานารา แบงก์ และซินดิเคท แบงก์ จะควบรวมกิจการกันเป็นคู่ต่อไป

อินเดีย ประกาศการควบรวมกิจการของธนาคารรัฐบาล10แห่งเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ธนาคารเหล่านี้ ท่ามกลางปัญหาหนี้เสียที่รุมเร้าธนาคารต่างๆและเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่าธนาคารมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และท้ายที่สุดเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

การควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้ธนาคารรัฐบาลเหลือแค่ 12 แห่งจากเมื่อปี 2560 ที่มีอยู่ 27 แห่ง ถือเป็นการควบรวมกิจการในภาคการธนาคารครั้งแรกของรัฐบาลอินเดีย ภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีที่ชนะเลือกตั้งรอบ2เมื่อปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ และซิตี้กรุ๊ป ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอินเดียในปีงบประมาณ 2562 ลงสู่ระดับ 6% โดยปีงบประมาณ 2562 ของอินเดียจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า

พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินเดียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอินเดียรายงานเมื่อวันศุกร์ว่าจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวช้าสุดในรอบ 6 ปี และยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อันเนื่องมาจากภาคส่วนต่างๆชะลอตัวลงเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงการอุปโภคบริโภค การส่งออก และการลงทุน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินเดียจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากที่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.35% สู่ระดับ 5.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2553 และธนาคารกลางยังได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีที่แท้จริงในช่วงปี 2562-2563 ลงสู่ระดับ 6.9% จากระดับ 7%

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ครม.เบรกฟรีวีซ่า 'จีน-อินเดีย'
-'ดอน' แจงค้านฟรีวีซ่าจีน-อินเดีย
-'ทรัมป์'คุยผู้นำอินเดีย-ปากีฯ
-อินเดียฝันเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโลก