ดีเอสไอเตรียมเครื่องจับเท็จรุ่นใหม่ สอบพยานคดีบิลลี่
"ดีเอสไอ" จ่อนำเครื่องจับเท็จรุ่นใหม่สอบปากคำคดี "บิลลี่" พร้อมเก็บทุกคำสัมภาษณ์ “ชัยวัฒน์” ประกอบสำนวน จ่อเรียกผู้โพสต์ภาพถัง แก่งกระจาน ให้ปากคำ
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 62 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือกะเหรี่ยงบิลลี่ ว่าในช่วงเช้าวันที่9 ก.ย. พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร. รองอธิบดีดีเอสไอจะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อประมวลผลข้อมูลที่ชุดลงพื้นที่รวมรวมและเก็บข้อมูลได้ มาผนวกกับข้อมูลจากชุดทำงานส่วนกลาง ในส่วนของพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่าไม่ใช่การประชุมเพื่อออกหมายจับบุคคลใด เพราะดีเอสไอต้องทำงานเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากการออกหมายเรียกเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าไม่มาพบพนักงานสอบสวนถึงจะออกหมายจับ อย่างไรก็ตามกระบวนการทุกอย่างจะต้องเสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน และต้องเป็นไปด้วยความรอบครอบ
เมื่อถามถึงการตรวจสอบถังน้ำมันที่มีผู้โพสต์ภาพถ่ายไว้เมื่อปี 2559 ในจุดเดียวกับที่ดีเอสไอพบถังน้ำมันต้องสงสัย จุดเดียวกับที่พบเศษชิ้นส่วนกระดูกของบิลลี่นั้นเป็นถังใบเดียวกันหรือไม่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอจะเรียกผู้โพสต์ข้อมูลดังกล่าวมาให้การเพิ่มเติม ส่วนการระบุว่าเป็นถังเดียวกันหรือไม่ กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ จะสามารถบอกได้ คงต้องสแกนภาพเพื่อนำมาเปรียบเทียบจุดหรือรอยตำหนิว่างเป็นถังใบเดียวกันหรือ ประกอบกับคำให้การของผู้ถ่ายภาพดังกล่าว อย่างไรก็ตามภาพดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งพิสูจน์ได้บางหากเป็นถังใบเดียวกันก็คือ ถังนี้ต้องมีอายุมาก่อนปี60 ตามที่มีการให้ข้อมูลจากบางคนว่าถึงถูกนำมาทิ้งเมื่อช่วงปี60 เพราะภาพดังกล่าวถูกโพสต์ระบุว่าปี 59 ดังนั้นอายุถังจากภาพถ่ายก็ต้องนานกว่านั้น
“ผมไม่อยากไม่โต้ตอบอะไรกับบุคคลที่ออกมาให้ข่าว เพราะดีเอสไอทำงานไม่อยากไปขัดแย้งกับองค์กรหรือหน่วยงานใด หากมีความคืบหน้าอะไรที่ชัดเจนจะแจ้งหรือแถลงให้สื่อมวลชนทราบเป็นระยะ “พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
แหล่งข่าวจากดีเอสไอเปิดเผยว่า ทีมพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ เก็บข้อมูลและบันทึกคำให้สัมภาษณ์ของนายนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี ที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะโดยละเอียด เพื่อนำมาประกอบข้อมูลในการสอบสวน และอาจพิจารณานำเครื่องจับเท็จรุ่นใหม่ของดีเอสไอมาใช้เป็นเครื่องมือในการสอบสวนพยานในคดีนี้