ฎีกาสั่งจำคุก 'ชวน ภูเก้าล้วน' ผิดรุกเกาะปอดะ ให้รอลงอาญา2ปี
ศาลฎีกายืนพิพากษา "ชวน ภูเก้าล้วน" นักธุรกิจดัง ผิดรุกเกาะปอดะ จำคุก 3 ปี 6 เดือน ปรับ 80,000 บาท ให้รอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี ให้ทำงานบริการสังคม 30 ชั่วโมง
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 ก.ย.62 ที่ศาลจังหวัดกระบี่ นายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ นายกสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่ นักธุรกิจชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ได้เดินทางมาที่ศาลจังกวัดกระบี่ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฏีกา ในคดีที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ฟ้องในข้อหา บุกรุกครองทำประโยชน์ในที่ดินบนเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เนื้อที่ 22 ไร่ ดำเนินการกั้นรั้วลวดหนามและก่อสร้างศาลาแปดเหลี่ยม โดยอ้างสิทธิ์ตามแบบแจ้งการ รอบครอง (ส.ค. 1)
โดยในคดีนี้ศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษายกคำร้องนายชวนชนะคดี ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษากลับ ให้นายชวนมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯและพ.ร.บ.อุทยานฯ และลงโทษจำคุก 3ปี 6เดือน โดยนายชวนภูเก้าล้วน ได้ขอยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา โดยศาลได้มีกำหนดอ่านคำพิพากษาในเวลา 09.30 น. ในวันนี้
โดยทันทีที่นานชวน เดินทางมาถึงศาลจังหงวัดกระบี่ ได้มีการบรรดาญาติๆ และพนักงานโรงแรมกระบี่ รีสอร์ท ได้นำช่อดอกไม้มามอบให้นายชวน เพื่อเป็นกำลังใจ โดยนายชวนได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาให้กำลังใจ ก่อนเดินขึ้นบัลลังก์ ที่ศาล เพื่อรอฟังคำพิพากษาด้วยสีกำน้ายิ้มแย้ม ซึ่งก่อนหน้านี้นายชวนได้ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีความกังวลใดๆ แม้ว่าผลจะออกมาอย่างไร พร้อมน้อมรับคำตัดสิน
สำหรับคดีเกาะปอดะ นับเป็นคดีปะวัติศาสตร์ของจังหวัดกระบี่ ที่ มีการต่อสู้คดีกันมายาวนานระยะเวลา กว่า 33ปี 3 วัน รวม 3 คดี โดยใน คดีแรก ต่อสู้กันมา 3 ศาล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นฝ่ายชนะ ศาลพิพากษาเพิกถอน นส.3ก. รวม พื้นที่ 51 ไร่ และขับไล่นายชวนพร้อมบริวารออกจากเกาะ ส่วนคดีที่2 ที่ นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นโจทก์ฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายหลังทางอุทยานเข้าไปรท้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างเอกสารสิทธิ์สค.1 และคดีที่ 3 ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช เป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นตัดสินให้ นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นฝ่ายชนะ เพราะเชื่อว่าที่ดินดังกล่าวมีการทำประโยชน์มาก่อนจริง ก่อนที่ชั้นศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับ ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นฝ่ายชนะคดี เนื่องจากการพิสูจน์ภาพถ่ายทาง อากาศ เมื่อปี 2510 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์”
ล่าสุด ศาลฎีกาพิพากษา จำคุก 3 ปี 6 เดือน ปรับ 80,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี ให้ทำงานบริการสังคม 30 ชั่วโมง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กรมอุทยานฯแจง"ซาฟารี" ห้วยขาแข้งเพื่อพัฒนาต้นแบบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เขตกันชน
-เด้ง! 'หน.อช.น้ำตกแม่สุรินทร์' เซ่นพิษอมเงินลูกจ้าง
-ทส. ยังไม่ย้าย “ชัยวัฒน์” ระบุ ยังไม่ได้รับการประสานจากดีเอสไอ
-เร่งนำน้ำคืนป่าพรุ หลังพบน้ำแห้งมีส่วนให้ไฟกระพือ