บรรจุญัตติซักฟอก 'ประยุทธ์' วาระประชุมสภาฯ18ก.ย.แล้ว
เผย "ปธ.ชวน" บรรจุญัตติซักฟอก "บิ๊กตู่" ในวาระประชุมสภาฯ 18 ก.ย.แล้ว-ไม่จัดสรรเวลา เหตุเป็นเวทีฝ่ายค้าน
นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีคำสั่งนัดประชุมสภาฯ นัดพิเศษ วันที่ 18 กันยายน เวลา 09.30 - 24.00 น. เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งส.ส.พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ทั้งนี้ระยะเวลาการอภิปรายส่วนใหญ่จะเป็นสิทธิของส.ส.พรรคฝ่ายค้านเป็นหลัก ดังนั้นจะไม่มีการจัดสรรเวลาอภิปราย และต้องปิดการอภิปรายก่อนข้ามวันที่ 18 กันยายน ส่วนการเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 นั้น เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ช่วง 17 ตุลาคมหรือ 18 ตุลาคม และคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 4-5 วัน ในวาระแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามที่บรรจุในระเบียบวาระประชุมสภาฯ นั้น มีสาระสำคัญต่อเหตุผลที่ยื่น ตอนหนึ่งว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวนำการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถูกต้อง ถือเป็นการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอันเป็นเรื่องที่เป็นแบบแผนและขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ เป็นการกระทำต่อหน้าองค์พระมหากษัตริย์ผู้ใช้อำนาจแทนปวงชนชาวไทย ผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 161 การถวายสัตย์ปฏิญาณในครั้งนั้นจึงเป็นอันใช้บังคับมิได้ตามมาตรา 5 วรรคแรก การกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนของนายกรัฐมนตรีเป็นข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ชัดต่อประชาชนทั่วไปและนายกรัฐมนตรีก็ยอมรับข้อเท็จจริงข้างต้น แต่ก็ยังไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง กลับเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
“กรณีที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะมีผลจ่อเนื่องถึงการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการแถลงนโยบายของ ครม. ต่อรัฐสภา วันที่ 25-26 ก.ค. 2562 อีกทั้งการแถลงนโยบายในครั้งนั้นก็ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายไม่ละเอียดดครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 พิจารณาแล้วเห็นว่าหากคณะรัฐมนตรียังไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นข้างต้น อาจส่งผลเสียต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง เกิดความไม่แน่นอนชัดเจนเกี่ยวกับการเข้ารับหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี จนอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่ได้ดำเนินการไปแล้วและที่กำลังดำเนินการอยู่”