“นายกรัฐมนตรี” เป็นประธานลงนามความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพ เผยเป็นโรคเครียด แต่โชคดี ไม่ป่วยหนัก-ตาย อย่างที่บางคนต้องการ
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.62 เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคนวัยทำงานในสถานประกอบการ ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และเปิดตัวแนวทาง 10 Packages ส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือสุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวงจรเดียวกัน ตนยินดีที่มีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพในครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องไม่ใช่เพียงสถานประกอบการอย่างเดียว แต่ประชาชนทั่วไปต้องดูแลสุขภาพด้วย เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อชีวิตที่มีความสุขต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญคือให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี และหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าระบบสุขภาพของคนไทยได้รับการประเมินอยู่ที่อันดับ 6 ในจำนวน 89 ประเทศและเราเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มต้นมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาจนถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ให้ความสำคัญในระบบสุขภาพของคนไทย ซึ่งรัฐบาลจะสืบสานสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตามภายหลังจากลงนามความร่วมมือแล้วขอให้ทุกคนช่วยกันทำอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงอีก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้คนไทยอยู่ในวัยทำงาน 51 ล้านคนซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศชาติ ดังนั้นต้องพัฒนาตัวเองด้วยซึ่งรัฐบาลก็จะดูแล ขณะเดียวกัน 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาล ได้เก็บทุกเรื่องที่ไม่สมบูรณ์มาแก้ปัญหาและเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆถ้ามองฟรีอย่างเดียวไม่ได้ต้องดูทั้งระบบและหาเงินมาสนับสนุนแต่สิ่งที่จะไม่เสียเงินเลยคือการรักษาสุขภาพให้ดี วันนี้มีหลายโรคด้วยกัน เช่น เบาหวานความดันและโรคเครียด
"โรคเครียดผมก็เป็น เพราะมีหลายอย่างรุมเร้า เดี๋ยวก็จะปรึกษาหมอ แต่สู้ได้ เพราะผมไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อคนในชาติ และวันนี้ก็มีคนสู้กับผม ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีแล้วแล้วจะอะไรกันนักหนาก็ต้องช่วยกันทำงาน มันมีเรื่องทุกวัน ปัญหาก็ต้องแก้ โอเค ไม่เป็นไร ผมจะไม่บ่น"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้แม้ตนจะไม่ใช่หมอ แต่ทำงานมา 4-5 ปีก็ได้ฟังหมอมาจำนวนมาก แต่โชคดีที่ไม่ได้ป่วยหนักหนาสาหัสแบบที่หลายคนอยากให้เป็น และหลายคนบอกตนบ่นมากเมื่อไหร่จะลาออกสักที ซึ่งตนไม่ได้บ่นแค่พูดให้ฟังเฉยๆ และบางคนก็บอกเมื่อไหร่ผมจะตายๆ สักทีก็ดีเหมือนกัน คนเราทำไมเกลียดกันขนาดนี้ แต่คนรักผมก็มีเยอะอย่างน้อยในห้องนี้ เดี๋ยวจะหาว่าตนพูดการเมืองอีก นอกจากนี้วันนี้อะไรก็ด่านายกฯ ไว้ก่อน แต่ไม่เป็นไรยินดี เพราะตนเป็นคนรับใช้ประชาชนอยู่แล้ว ไม่ใช่เจ้านาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันโรคเครียดส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเสพสื่อ วันนี้มีโรคโซเชียลซินโดรม โรคเสพสื่อโซเชียล ซึ่งวันนี้ก็มีสื่อจำนวนมาก ตนไม่ใช่ศัตรูกับสื่ออยู่แล้ว แต่อย่าทำให้เสียชื่อเสียงประเทศชาติ เพราะเรื่องในประเทศก็คือเรื่องภายในประเทศ หากเราไม่แก้ไขแล้วใครจะแก้ เหมือนเรื่องสุขภาพหากเราไม่ดูแลแล้วใครจะดูแลให้ อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณสื่อแต่ขออย่าทำให้คนไทยทั้งประเทศเครียด เพราะหากทำให้คนเป็นโรคขึ้นมาก็จะอันตราย ดังนั้น วันนี้ขอให้ทุกคนร่วมกันดูแลในเรื่องสุขภาพและเรื่องอื่นๆที่เป็นปัญหาของประเทศไทยไปด้วยกัน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเดิมได้มีการกำหนดไว้ในวันเดียวกันนี้ แต่ได้เลื่อนไปก่อนเนื่องจากรัฐมนตรีหลายมีภารกิจเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-'ชวน' ยังไม่เคาะ ประชุมสภาฯ ซักฟอก 'บิ๊กตู่'
-ปมถวายสัตย์ 'ฝ่ายค้าน' หมดสิทธิ์อภิปราย
-'ธรรมนัส' ยันส.ส.พรรคเล็ก ไม่แปรพรรค
-สภาฯของบเพิ่มทะลุ1.2หมื่นล้าน ค่าอาหารส.ส.เพิ่มรายละ300