'ดีเอสไอ' ขอเวลารวบรวมหลักฐานคดี 'บิลลี่' ยังไม่ออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัย
ย้ำต้องทำงานละเอียดรอบคอบ รวมรวมพยานหลักฐานให้ดีที่สุด
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ร่วมงานเสวนาวิชาการเรื่อง การฆาตกรรมอำพรางศพบิลลี่ บุคคลใดต้องรับผิดชอบ ที่วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และกล่าวถึงการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องสงสัยว่า ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกซักพัก เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ดีที่สุด ทำงานให้ละเอียดรอบคอบ จึงต้องขอเวลาอีกนิด
ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า ทางดีเอสไอจะประชุมภายในอาทิตย์นี้ และเตรียมออกหมายเรียกและแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา รวมทั้งข้อหาฆ่าคนตายแก่ผู้ต้องสงสัย ซึ่งทางดีเอสไอระบุว่า มีบุคคลที่มีหน้าที่การงานและตำแหน่งราชการระดับสูงด้วย
“บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ ผู้นำชุมชนชาวกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รวมทั้งหัวหน้าอุทยานฯ ในขณะนั้นคือ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ควบคุมตัวในวันที่ 17 เมษายน 2557 หลังพบว่า นำนำ้ผึ้งติดตัวมาโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะกล่าวอ้างว่า ได้ปล่อยตัวไปหลังพบว่ามีนำ้ผึ้งเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม นายบิลลี่ได้หายตัวไปหลังจากนั้น และไม่มีใครพบอีกเลย จนกระทั่งดีเอสไอค้นหาและเจอชิ้นส่วนกระดูกที่มีดีเอนเอตรงกับแม่ของเขาในเขื่อนแก่งกระจาน ในเขตอุทยานฯ ในช่วงปีนี้
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า การหายตัวไปของบิลี่เป็นเรื่องที่คาใจตนมาตลอดเพราะเข้าไปทำคดีตั้งแต่แรกๆ และมีโอกาสได้พบกับมือนอและลูกๆทั้ง5 คน นำมาซึ่งคำถามว่า พ่อของเขาหายไปไหนได้ ทำไมไม่กลับบ้าน
อย่างไรก็ตาม ตนได้ย้ายออกจากงานสอบสวนภูมิภาคช่วงหนึ่ง และคดีถูกส่งไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เมื่อมีความเกี่ยวพันกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เลยเกิดความขาดตอนในการทำคดีของดีเอสไอ แต่คณะทำงานยังคงสืบสวนหาข่าวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า เป็นความทุ่มเทอย่างหนักของดีเอสไอสำหรับคดีนี้ และเป็นความทุกข์ที่ติดอยู่ในใจของเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งพบชิ้นส่วนกระดูกที่มีดีเอนเอตรงกับแม่ของบิลลี่ซึ่งกระดูกชิ้นนี้ถ้าหลุดไปเท่ากับเจ้าของเสียชีวิต พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าว
ชนม์สวัสดิ์ ประศาสน์ครุการ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ ป.ป.ท. กล่าวทำความเข้าใจในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ท. ว่า ป.ป.ท. มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ไม่ได้ดำเนินการกรณีการหายตัวไปของนายบิลลี่ แต่รับเรื่องจากพนักงานสอบสวนในกรณีที่มีหลักฐานว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจปฎิบัติหน้าที่ในการควบคุมตัวนายบิลลี่โดยมิชอบ เพราะไม่เป็นไปตามขั้นตอนราชการ
ทางคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้เสนอชี้มูลความผิดในประเด็นดังกล่าวให้คณะกกรมการ ป.ป.ท. พิจารณา แต่บอร์ดเห็นว่าอาจมีประเด็นความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องในกรณีสูญหาย และพยานหลักฐานที่อยู่กับป.ป.ท น่าจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงมีมติส่งเรื่องต่อให้ทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)
"เวลานี้ ทาง ป.ป.ท. กำลังไต่สวนกรณีเผาทำลายบ้านของชุมชนกะเหรี่ยงซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก่อนได้ข้อสรุป นอกจากนี้ ยังดำเนินการข้อร้องเรียนเรื่องทุจริตโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติของอุทยานฯแก่งกระจานด้วย" นายชนม์สวัสดิ์ กล่าว
ด้านพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ กล่าวว่า หลังบิลลี่หายตัวไปนาน 5 ปี ตนและครอบครัวลำบากมาก ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงดูลูก 5 คน และยังต้องเดินสายเคลื่อนไหวร่วมกับองค์กรต่างๆเพื่อติดตามความคืบหน้าการหายตัวของบิลลี่หลังการหายตัวไปของบิลลี่ในวันที่ 17
ตนทราบข่าวจากพี่ชายบิลลี่ในวันที่ 18 และเข้าแจ้งความที่โรงพักแก่งกระจาน แต่โรงพักยังไม่รับแจ้งความให้ผู้เสียหายไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมก่อน
ต่อมาตนเข้ายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมที่ศาลากลางจังหวัด ขอให้ย้ายเจ้าหน้าที่อุทยานฯออกนอกพื้นที่ระหว่างการสอบสวนคดีแต่ไม่สำเร็จ ไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีความคืบหน้า ก่อนยื่นคำร้องศาลของให้มีการปล่อยตัวบิลลี่จากการควบคุมตัว ตามมาตร 90 แต่ศาลยกคำร้องเพราะพยานผู้ร้องเป็นเพียงพยานบอกเล่า จนรู้สึกว่าความยุติธรรมมีไม่จริง
วันนี้เมื่อได้รู้ว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว จึงต้องขอบคุณดีเอสไอที่ช่วยติดตามอย่างเต็มที่ พิณภาหรือมือนอ กล่าว
“ขอฝากความรู้สึกถึงคนที่กฎหมายอยู่ในมือ ให้ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ควรรังแกคนที่ไม่มีกฎหมายในมือ คุณจับตัวบิลลี่ไปแล้วไม่ส่งดำเนินคดี ทำให้บิลลี่หายตัวไป ภาษาชาวบ้านคือใช้ “กฎหมา” อยากบอกว่าทุกคนมีชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหนๆ ก็อยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน เราควรอยู่ร่วมกันด้วยความรักและความเข้าใจ ไม่อยากให้คนที่มีกฎหมายในมือ มีอำนาจสูงส่ง คิดว่าตัวเองใหญ่ แต่อยากให้ทุกคนเสมอภาค เท่าเทียมกัน” พิณนภากล่าว
ขณะที่นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ที่ให้ความช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงด้านคดี กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯแก่งกระจานเผาทำลายบ้านชุมชนกะเหรี่ยง บิลลี่ได้มาเป็นแกนนำในการรวบรวมข้อมูลต่อสู้คดีและเตรียมร่างหนังสือเพื่อถวายฎีกาในช่วงที่ถูกควบคุมตัวพร้อมน้ำผึ้งป่าและหายตัวไป สิ่งที่ญาติทำได้ คือการทำหนังสือขอให้หัวหน้าอุทยานฯปล่อยตัวบิลลี่ ซึ่งต่อสู้คดีกัน 3 ศาล
นายแสงชัยตั้งข้อสังเกตว่า แม้ศาลจะตัดสินยกคำร้อง แต่ไม่ได้หมายความว่า มีการปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้ว เพราะศาลฎีกาพิพากษาว่าพยานของฝ่ายญาติไม่เพียงพอให้ศาลตัดสินใจว่ามีการควบคุมตัวบิลลี่เพราะเป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่ขณะนี้ พยานหลักฐานที่ดีเอสไอพบ ไม่ใช่พยานแวดล้อมที่ไม่มีน้ำหนักเช่นในอดีตอีกแล้ว นายแสงชัยกล่าว