“สมพงษ์” ยกมาตรา 5 ซัด“ครม.บิ๊กตู่” ไม่เคารพรธน.-เป็นมลทิน ติงอาจพาสังคมขัดแย้งไปไม่รอด พร้อมอ้างข้อเขียน “วิษณุ” ในหนังสือหลังม่านการเมือง ย้ำความสำคัญการกล่าวคำถวายสัตย์ ติดใจทำไมกล่าวคำถวายสัตย์ที่ สลค. เตรียมให้ ถามจงใจ-เจตนาทำผิดรธน.ใช่หรือไม่
เมื่อเวลา 10.05 น. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายนำเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป ไม่ลงมติ เพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้สิทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยชี้ให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวนำ ครม. กล่าวนำคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 กำหนด ซึ่งขาดถ้อยคำที่ว่า ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ และนายกฯ ยังได้กล่าวถ้อยคำเพิ่มเติมที่รัฐธรรมนูญไม่กำหนด คือคำว่า ตลอดไป ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ที่ระบุไว้ในมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ ที่มีเนื้อหาว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัตหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับไม่ได้ อีกทั้งการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อองค์พระมหากษัตริย์ ถือเป็นการให้คำสาบานที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจะกล่าวถ้อยคำหรือใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ได้
นายสมพงษ์ กล่าวโดยการอ้างถึงข้อเขียนของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ซึ่งเคยเขียนไว้ในหนังสือ หลังม่านการเมือง ระบุตอนหนึ่งถึงกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน ว่า รัฐมนตรีผู้ใดที่ยังไม่กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตน ไม่ถือว่าผู้นั้นเป็นรัฐมนตรีโดยสมควร และทำหน้าที่ไม่ได้ และระบุอีกว่าการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณต้องเปร่งวาจาที่กฎหมายกำหนด จะพูดยาว หรือน้อยกว่านี้ไม่ได้ และระบุในหนังสืออีกว่า นายกฯ เป็นผู้กล่าวนำ ดังนั้นความสำคัญอยู่ที่นายกฯ จะผิดไม่ได้ โดยสำนักงานเลขาธิการนายกฯจะพิมพ์บนบัตรแข็ง ให้อ่านเพื่อไม่ให้มีคำตกหล่น เพื่อไม่ให้ถูกส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายหลัง
“เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม การกล่าวนำ และกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตน ขาดสาระสำคัญที่ระบุว่า ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการซึ่ง เป็นคำสำคัญ จึงถือว่า ครม. ชุดนี้ปฏิบัติสิ่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญชัดแจ้ง ผมขอถามนายกฯ ว่า ท่านนำครม. เข้าถวายสัตย์แล้วหลายครั้ง แต่รอบนี้ ท่านมีเจตนาไม่ใช่เอกสารของสำนักงานเลขาธิการนายกฯ มีเจตนาจะไม่กล่าวคำสำคัญตามรัฐะรรมนูญหรืออย่างไร และจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร” นายสมพงษ์ อภิปราย
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายด้วยว่าการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนดังกล่าวไม่ครบถ้วนจะมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม. คือ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแต่ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา นั้นไม่มีรายละเอียดของการใช้งบประมาณ เช่น นโยบายหลักประเด็นการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเขตเมืองด้วยการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ, เร่งรัดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ นโยบายดังกล่าวรัฐบาลต้องใช้งบประมาณมหาศาล แต่ ครม. ไม่ได้ชี้แจงวงเงินงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินการนโยบาย จะอ้างว่าใช้งบประมาณแผ่นดินไม่ได้
“พฤติกรรมของรัฐบาล ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เช่นการใช้อำนาจเพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2557 รวมถึงการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ไม่ชี้แจงรายละเอียดงบประมาณ คือสิ่งที่ นายกฯ ฐานะผู้นำประเทศ ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่ยินยอมรับฟังข้อท้วงติงจากผู้หวังดีทุกฝ่าย ไม่รับรู้ว่าตนเองทำสิ่งใดผิดหรือถูก และสมควรแก้ไขให้ถูกต้องอย่างไร ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นลูกโซ่ เพราะมีความกระทำผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่สำคัญของบ้านเมืองสม่ำเสมอ ผมมองว่าสิ่งดังกล่าวจะกระทบต่อความเชื่อมั่น ผู้นำและ ครม. ขาดการยอมรับนับถือ ถือเป็นชมลทิน ถูกตำหนิ และถูกนินทามาตลอด ดังนั้น ครม. จะพาสังคมที่วิกฤตให้อยู่รอดได้อย่างไร” นายสมพงษ์ อภิปรายสรุป
ต่อจากนั้นเป็นการอภิปรายของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้อภิปรายต่อไป โดยย้ำถึงการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกฯ ที่ไม่ครบถ้วน เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน