ป.ป.ช.ฟันอดีตผอ.สามเสน รับ 'แป๊ะเจี๊ยะ' ผิดวินัยร้ายแรง

ป.ป.ช.ฟันอดีตผอ.สามเสน รับ 'แป๊ะเจี๊ยะ' ผิดวินัยร้ายแรง

ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด"วิโรฒ" อดีตผอ.สามเสนรับแป๊ะเจี๊ยะ พบทุจริตรับเงิน 1.4 ล้านไปใช้ส่วนตัว ผิดอาญาและวินัยร้ายแรง พร้อมยื่นฟ้องศาล


นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับเรื่องจากสำนักงาน ป.ป.ท. เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2560 กรณีกล่าวหานายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยกับพวก ว่าทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 2 ราย เพื่อแลกกับการเข้าเรียน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่ามีมูลจึงได้มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีนายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการการไต่สวนข้อเท็จจริง นายวิโรฒ สำรวล และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รองผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ร่วมกันรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียน จำนวน 6 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,440,000 บาท แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตน

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 สื่อมวลชนได้เสนอข่าว เรื่องผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง เรียกรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียนรายหนึ่ง จำนวน 4 แสนบาท เพื่อให้บุตรของตนได้มีโอกาสได้เข้าเรียน โดยมีคลิปวิดีโอภาพและเสียงประกอบการเสนอข่าว หลังจากนั้นใน วันที่ 20 มิถุนายน 2560 นายวิโรฒ สำรวล จึงได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยยอมรับว่าตนเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงิน 4 แสนบาท ตามที่เป็นข่าว และภายในวันเดียวกัน นายวิโรฒ นายภูสิทธิ์ และนายประเจิน โชติพงศ์กุล ครูชำนาญการพิเศษ (หัวหน้างานรับนักเรียน โรงเรียน สามเสนวิทยาลัย) ได้ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานบุคคลการเงินและสินทรัพย์ 1 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ออกใบเสร็จรับเงินว่าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้รับเงินบริจาค โดยให้ลงวันที่ย้อนหลัง แต่เจ้าหน้าที่การเงินฯ แจ้งว่าไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินโดยลงวันที่ย้อนหลังได้ บุคคลทั้งสามจึงได้ร่วมกันสั่งให้เจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงิน โดยสั่งให้ลงวันที่ในใบเสร็จรับเงินเป็นวันที่ 21 มิถุนายน 2560 แล้วนำเงินสดบางส่วนเข้าฝากธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงการคลัง ตามรหัสศูนย์ต้นทุนของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ผ่านระบบ GFMIS โดยมีเจตนาเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน


ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายวิโรฒ สำรวล กับพวกมีมูลความผิด ดังนี้


1.นายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์ กรณีรับเงินบริจาคโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน แล้วเบียดบังเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต แล้วข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงินและนำเงินส่งคืนภายหลังเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน.มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 วรรคสาม และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547


2. นายประเจิน กรณีร่วมกันข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงิน ออกใบเสร็จรับเงิน เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตนและบุคคลอื่น มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 วรรคสาม และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2547


ทั้งนี้ การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด