'ยูเอ็น' เรียกร้องผู้นำ หยุดมหัตภัยโลกร้อน
อุตุนิยมวิทยาโลก เผยรายงานอุณหูมิโลกร้อนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ชี้ ในระยะ 5 ปีนี้มีค่าเฉลี่ย 1.1 องศาเซลเซียส เรียกร้องผู้นำ 60 ชาติทั่วโลกรวมตัวประชุมอยู่ที่ยูเอ็น ร่วมมือแก้ไขปัญหาจริงจัง
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือดับบลิวเอ็มโอ หนึ่งในองค์กรของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เผยแพร่รายงานทางวิทยาศาสตร์ในค่ำคืนวานนี้ (22 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ชี้ให้เห็นว่าปัญหาภาวะโลกร้อน ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นและการปล่อยแก๊สเรือนกระจก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาจนถึงปี 2562 โดยระบุว่า นานาชาติต้องเพิ่มความพยายามขึ้นเป็น 3 เท่า ในการควบคุมไม่ให้อุณหภูมิสูงถึง 2 องศาเซลเซียสและเพิ่มความพยายามอีก 5 เท่า ในการควบคุมไม่ให้อุณหภูมิเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
ในรายงานระบุว่า ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิของโลกในระยะ 5 ปีนี้ โดยเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.1 องศาเซลเซียล
การเผยแพร่รายงานฉบับดังกล่าวเป็นการส่งสารไปถึงการประชุมสมัยพิเศษว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของผู้นำจาก 60 ประเทศทั่วโลก ที่นครนิวยอร์กในวันนี้ (23ก.ย.) เพื่อแสดงจุดยืนในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้ผู้นำแต่ละประเทศนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว ตลอด 10 ปีข้างหน้าอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อปูทางไปสู่ภาวะปลอดคาร์บอน ในปี 2593
ด้านองค์กรรณรงค์สิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศในยุโรป เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีบริษัทเอกชน 87 แห่งในภาคอุตสาหกรรมอาหาร ก่อสร้าง และเทเลคอม ในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย ให้การรับรองเรื่องการควบคุมก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นของโลก อาทิ เนสท์เล่ของสวิตเซอร์แลนด์ บริษัทก่อสร้างแซงต์-โกแบงของฝรั่งเศส และบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางชั้นนำลอรีอัลของฝรั่งเศส ประกาศจะควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นศูนย์ภายในปี 2593
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเทเลคอมโนเกียของฟินแลนด์ กลุ่มบริษัทด้านอาหารดานอนของฝรั่งเศส และบริษัทผลิตยาแอสตราเซเนกาของอังกฤษ ประกาศดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิโลก ไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงโลกร้อนกรุงปารีส