กัลฟ์' เตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุน พัฒนาโครงการมาบตาพุดเฟส3

กัลฟ์' เตรียมเซ็นสัญญาร่วมทุน พัฒนาโครงการมาบตาพุดเฟส3

'กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี'เผย ครม.เห็นชอบ' กิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีทีแทงค์' ให้ดำเนินโครงการมาบตาพุดระยะที่3 เตรียมลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือGULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมทุนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่3 ตามที่สำนักงานคณะกรรการนโยบายเขตศรษฐกิจพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอมา โดยกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์และพีทีทีแทงค์ ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัทฯ และบริษัทพีทีทีแทงค์เทอร์มินอลจำกัด ร่วมทุนกันในสัดส่วนร้อยละ70 และ30ตามลำดับนั้น เป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินโครงการมาบตาพุดระยะที่3โ ดยในขั้นตอนต่อไปจะมีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (Public PrivatePartnership: PPP)กับทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประทศไทย (กนอ.)ซึ่งบริษัทฯจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบในลำดับต่อไป

โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่3 ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็นสองช่วง ดังนี้


1.ช่วงที่หนึ่ง เป็นงานออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งประกอบด้วยงานขุดลอกและถมทะเลในเนื้อที่ประมาณ1,000ไร่ งานขุดลอกร่องน้ำและแอ่งกลับเรือ งานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นและงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี โดยเอกชนจะได้รับผลตอบแทนเป็นรายปีจากกนอ. เป็นระยะเวลา 30 ปี

2.ช่วงที่สอง งานก่อสร้างท่าเทียบเรือก๊าชและสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (Superstructure) บนพื้นที่ถม
ทะเลประมาณ200 ไร่ เพื่อรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ไม่น้อยกว่า5ล้านตันต่อปีและ
ส่วนขยายไปจนถึง 10.8ล้านตันต่อปี โดยเอกชนจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าบริการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าช
ธรรมชาติจากของเหลวให้เป็นก๊าซ (LNG Terminal Fee) จากผู้ใช้บริการ