เผยเด็กรุุ่นใหม่ทั่วโลกนิยมเรียนต่อนอก60% ไทยเรียนนิวซีแลนด์9%
หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์เผยภาพรวมทั่วโลกอัตราการเติบโตนักเรียนนักศึกษาเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มขึ้น 40-60% ยอดปี 2562 มี5 ล้านคาดปี 2568 เพิ่มเป็น 8 ล้านคน เฉพาะนิวซีแลนด์ เด็กไทยเพิ่ม 9 % ในช่วง 3 ปีมูลค่าตลาดไทยมีมากกว่า 120 ล้านเหรียญฯ
นายจอห์น แลกซัน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ เปิดเผยว่าปัจจุบันภาพรวมทั่วโลกมีนักเรียนนักศึกษาต่างชาติที่เรียนต่อต่างประเทศเพิ่ม 40-50 % โดยปี 2562 มีนักเรียนนักศึกษาต่างชาติที่ไปเรียนต่อต่างประเทศประมาณ 5 ล้านคน และในปี 2568 จะเพิ่มเป็นประมาณ 8 ล้านคน
ซึ่งในส่วนของนักเรียนนักศึกษาต่างชาติเรียนนิวซีแลนด์นั้นมีมากกว่า 125,392 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียนจากประเทศจีนและอินเดียมากถึง 50 % ซึ่งตลาดเอเชียแปซิฟิกที่สำคัญของนิวซีแลนด์ได้แก่ จีน 40,323 คน อินเดีย 20,397 คน ญี่ปุ่น 10,272 คน เกาหลี 7,512 คน และไทย 3,377 คน ตลาดประเทศไทยมีมูลค่ามากกว่า 120 ล้านเหรียญดอลลาร์นิวซีแลนด์ ไทยเรียนเพิ่มขึ้น 9 % ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยนิวซีแลนด์ได้มุ่งขยายตลาดการศึกษา ในประเทศไทย ทั้งในระดับโรงเรียนและระบบอุดมศึกษา โดยการส่งเสริมและปรับหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ปัจจุบันมีนักเรียนทุนและข้าราชการในความดูแลของกพ. ที่กำลังศึกษาและอบรมในประเทศต่างๆ ตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค. 2562 ประมาณ 21,687 คน
ปัจจัยเลือกเรียนนิวซีแลนด์
“ปัจจัยที่ทำให้นักเรียนต่างชาติเลือกมาเรียนต่อที่นิวซีแลนด์นั้น เพราะรูปแบบการเรียนการสอนจะเน้นการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ บูรณาการเลือกวิชาที่จะเรียนได้ตามความชอบความถนัด ความสนใจของตนเอง เป็นการเรียนรู้ตามตัวบุคคล ไม่ได้แบ่งเป็นสายวิทยาศาสตร์ หรือสายศิลปะ เป็นการศึกษาที่เตรียมพร้อมคนสู่อาชีพในอนาคต และเมื่อเรียนจบปริญญาตรีหรือโท สามารถอยู่ได้อีก 3 ปี ทำงานในนิวซีแลนด์ได้ ซึ่งการเรียนรู้ในต่างประเทศนั้น เป็นการเตรียมความพร้อมนักเรียนในการสู่อาชีพในโลกอนาคตที่มีความหลาหลาย และทั่วโลกมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 3 ของประเทศที่เตรียมความพร้อมนักเรียนสู่อนาคตที่ดีที่สุดในโลก และเป็น 1 ของประเทศที่พูดภาอังกฤษเป็นภาษาหลัก โดยหลักสูตรที่ได้รับความนิยมจากนักเรียนต่างชาติมีหลากหลาย ทั้งหลักสูตรด้านเทคโนโลยี การสร้างภาพยนตร์ แอนิเมชั่น วิศวกรรม และพลังงานทดแทน เป็นต้น
ปรับยุทธศาสตร์การศึกษารอบ6ปี
นางลิซ่า ฟุตสเชค ผู้จัดการทั่วไประหว่างประเทศ หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ เวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ กล่าวว่าด้วยโลกที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้การจัดการศึกษาต้องมีการปรับภาพลักษณ์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องและตอบสนองความท้าทายโอกาสทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพลเมืองโลก
ปี 2562 นี้ ประเทศนิวซีแลนด์ได้มีการปรับยุทธศาสตร์การศึกษานานาชาติครั้งใหญ่ในรอบ 6 ปี จึงได้มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ของการศึกษานิวซีแลนด์ ภายใต้แนวคิด I AM NEW :ฉันคือนิว ซึ่งจะเปลี่ยนนิยามและรูปแบบการศึกษาแนวใหม่ เพิ่มคุณค่าทักษะมาต่อยอดองค์ความรู้ เรียนแล้วสามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต โดยให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อให้สอดคล้องกับผลวิจัยใหม่ พบว่า นักเรียนเป็นนักคิดอิสระที่ต้องการสร้างเส้นทางของตัวเอง สร้างชื่อเป็นผลงานของตนเองไว้บนโลกมากกว่าจะทำตามรูปแบบดั่งเดิม นักเรียนต้องการการสนับสนุนเชิงบวกที่ยั่งยืนโดยใช้ความรู้และความคิดอย่างชาญฉลาด
5ทักษะ“I AM NEW:ฉันคือนิว "
“I AM NEW:ฉันคือนิว มุ่งส่งเสริมและพัฒนานักศึกษานานาชาติใน 5 ทักษะหลักๆ ได้แก่ New skills ทักษะใหม่ที่จำเป็นในอนาคต อย่างการพัฒนาความสามารถของนักเรียนทุกคนในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างสร้างสรรค์ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ New Understanding (ความเข้าใจใหม่) สอนวิธีให้นักเรียนนำความรู้ไปสร้างทักษะที่จำเป็นในอนาคตเพื่อไปทำงานได้ทั่วโลก New perspective (มุมมองใหม่ที่ชัดเจน)สนับสนุนความหลากหลาย ความเอาใจใส่ และวิธีการใหม่ๆ ให้เกิดการมองโลกในมุมมองใหม่ New outcomes(ผลลัพธ์จากการเรียนรู้ใหม่) เตรียมความพร้อมนักเรียนให้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานในอนาคตได้ New growth (การเติบโตรูปแบบใหม่) สร้างความท้าทานและสนับสนุนให้นักเรียนได้ใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่”นางลิซ่า กล่าว
เน้นเรียนสอนตามความชอบความถนัด
ทั้งนี้ รูปแบบการเรียนการสอนของนิวซีแลนด์นั้น จะให้อิสระแก่นักเรียนนักศึกษาในการบูรณาการวิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน เรียนตามความชอบความถนัดของตนเอง เป็นการช่วยค้นหาศักยภาพตัวเอง เพื่อความสำเร็จในอนาคต ดังนั้น นักเรียนจะคิดด้วยตนเอง รู้จักตั้งคำถาม พร้อมคิดหาไอเดียใหม่ๆ ให้กับการค้นพบของตนเอง นักเรียนจะได้รับการสอนให้คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ มีการทำงานเป็นทีมแก้ไขปัญหาร่วมกัน จากการพูดคุยและคิดอย่าอิสระ ผสานกับเทคโนโลยีทั้งด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งปลูกสร้าง สถาปัตยกรรม วิศวกรรมศาสตร์ การสร้างภาพยนตร์ แอนิเมชั่น และการออกแบบที่มีครูร่วมกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญต่างๆ ในอุตสาหกรรมนั้นๆ มาให้คำปรึกษาและฝึกปฏิบัติจริงๆ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้าสถานที่ที่จะไปทำงานในอนาคตได้