วิปรัฐบาลเล็งชงวาระ ‘แก้รธน.’
“ประวิตร” ยันแก้รธน.วาระเร่งด่วน เมินข้อเสนอรื้อมาตรา1 ด้าน “เทวัญ” เผยวิปรัฐบาลเล็งถกหลังเปิดประชุมสภา ก่อนชงครม.ถก ปชป.ตั้ง“บัญญัติ” ปธ.คณะทำงาน ขณะที่2แกนนำเพื่อไทย ประกาศหนุน“ชัชชาติ” ชิงผู้ว่ากทม.ในนามอิสระ “ปลอดประสพ” แย้มอาจไม่ส่งผู้สมัคร
ความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งล่าสุด 7 พรรคฝ่ายค้านเดินสายรณรงค์พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเป็นผู้ถือธงนำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้(3 ต.ค.)ว่า กรณีฝ่ายค้านจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำธงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะรับได้อย่างไร เพราะไม่มีในกฎหมาย ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการแล้ว
ส่วนที่นักวิชาการระบุว่ามีแนวคิดแก้มาตรา 1 ที่ระบุว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ โดยอ้างว่าจะแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าแก้กฎหมายแบบนี้ถือว่าผิดเพราะ 3 จังหวัดคือประเทศไทย ยืนยันว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่อยู่ในนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อของรัฐบาล ซึ่งต้องดำเนินการตามนั้นและมีคณะกรรมาธิการดูอยู่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะเข้าทันเปิดสมัยประชุมรัฐสภาหรือไม่ นอกจากนี้มั่นใจว่าเสถียรภาพรัฐบาลดีอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ
สำหรับกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย จะลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ ทุกคนสามารถลงสมัครได้ ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จะส่งใครยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรค ยังไม่มีใครมาปรึกษาเรื่องส่งคนลงสมัคร กรณีที่ไม่รีบเปิดตัว เพราะขณะนี้ยังไม่กำหนดวันเลือกตั้ง
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่มีการหารือกัน เพียงแต่มีการพูดคุยกันเป็นการภายใน รวมถึงวิปรัฐบาลที่ยังไม่มีการหารือกันถึงเรื่องดังกล่าว เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ซึ่งหากมีการหยิบยกขึ้นมา ตนจะได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าประเด็นที่พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธที่จะถือธงนำต่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนไม่ติดใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นบทบาทของฝ่ายบริหาร เชื่อว่าภายหลังจากที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญของสภาฯ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ข้อสรุปพล.อ.ประยุทธ์ จะสนับสนุนในแนวทางดังกล่าว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนต่อประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเสนอให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการที่ปรึกษาของพรรค เป็นประธาน และมีกรรมการจำนวน 12 คน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคลงนาม
นายกฯเตือนงบล่มปชช.เดือดร้อน
ขณะที่ความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีมอบนโยบายแก่สภาเกษตรกรแห่งชาติ ตอนหนึ่งว่า ในฐานะผู้นำต้องทำทุกอย่างให้คนทุกภาคส่วนอยู่ดีกินดี ทิ้งใครไว้ข้างหลังไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เอางบประมาณทั้งหมดมาทุ่มเทไปในทางเดียว วันนี้งบประมาณยังไม่ได้พิจารณาต้องรอนำเข้าวาระการพิจารณาภายในเดือนนี้ ซึ่งหวังว่าจะผ่าน ถ้าไม่ผ่านคนเดือดร้อนกันทั้งประเทศ รวมถึงเกษตรกรก็เดือดร้อน คงไม่ใช่ตนคนเดียว เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน
ด้านนายเทวัญ กล่าวว่าจากการหารือของวิปรัฐบาล เบื้องต้นเราจะเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับพรรคฝ่ายค้านในเรื่องเวลาที่จะอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณว่าจะใช้เวลากี่วัน อาจจะได้ข้อสรุปว่า เป็นวันที่ 17-18 ต.ค.หรือวันที่ 17-19 ต.ค. คงต้องขอคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล หารือในวิปรัฐบาล และคุยกับวิปฝ่ายค้าน คาดจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้
ส่วนร่างพิมพ์เขียวร่างพ.ร.บ.งบประมาณจะสามารถแจกจ่ายให้กับฝ่ายค้านหรือ ส.ส.ได้ในช่วงก่อนการประชุม คิดว่าคงไม่ช้า เพราะสมาชิกทุกท่านคงอยากศึกษาว่ารายละเอียดอย่างไร เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ที่ต้องทำส่งไปยังสภาฯ เพื่อให้สภาฯแจกจ่าย อย่างไรก็ดีประชุมครม.ภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้ จะมีการหารือวาระดังกล่าวในที่ประชุม
2แกนนำพท.ประกาศหนุน“ชัชชาติ”
ขณะที่ท่าทีพรรคการเมืองต่อการส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม.นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตแคนดิเดตนายกฯของพรรคประกาศลงชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม.ในนามอิสระ ว่า ส่วนตัวตนดีใจที่นายชัชชาติสนใจ และตั้งใจลงแข่งขันชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. เพราะเห็นว่านายชัชชาติเป็นคนดี มีความรู้ และพรรคเพื่อไทยไม่มีวันมองนายชัชชาติเป็นศัตรูแต่ในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมืองและได้ประกาศนโยบายเกี่ยวกับเรื่องท้องถิ่น จากนี้พรรคจะกลับไปคิดว่าเรามีคนที่ดีเสมอด้วยนายชัชชาติ หรือคนที่ดีกว่าหรือไม่ ถ้ามีเราก็จะส่งลงสมัคร แต่ถ้าเราหาคนที่สู้นายชัชชาติไม่ได้ เพื่อประชาชนเราอาจจะเอาใจช่วยนายชัชชาติในใจก็ได้เชื่อว่าส่วนตัวว่านายชัชชาติเองก็คงจะยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยในการบริหารกรุงเทพมหานคร
เช่นเดียวกับนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวตอนหนึ่งว่า การลงชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม.โดยอิสระของนายชัชชาติได้ข้อสรุปแทนใจว่า“เข้าใจ เห็นใจ และเสียดาย” แต่ถ้าเราคิดว่าการทำงานการเมือง ในทางอุดมคติ สาระสำคัญที่สุดคือการก่อประโยชน์สูงสุดให้ชาติบ้านเมือง ผมคิดว่าการตัดสินใจของคุณชัชชาติ ถูกจังหวะ ถูกที่ ถูกเวลา ไม่มีสิ่งใดที่น่าเสียใจต่อการตัดสินใจครั้งนี้
“ไม่ว่าผมจะรู้สึกเสียดายคุณชัชชาติ เพียงใด แต่ผมก็จะยังสนับสนุนคุณชัชชาติ ให้ได้เป็นผู้ว่ากทม.คนใหม่ ที่ผมอยากเห็นด้วยความกระตือรือร้นยิ่งได้เวลา กรุงเทพฯต้องเปลี่ยนแปลงได้เวลา กรุงเทพฯ ต้องดีขึ้นกว่าเดิม1 เสียงของผมมอบให้คุณชัชชาติ จากหัวใจผมสนับสนุนผู้ว่ากทม.ชื่อชัชชาติ สิทธิพันธุ์” นายภูมิธรรมกล่าว
กกต.ชงศาลชี้ขาดสถานะ‘นวัธ’
ขณะที่การพิจารณาสถานะการเป็นส.ส.ของ นายนวัธ เตาะเจริญสุข สส. เขต7 จังหวัดขอนแก่น ที่ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิตและถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล วันเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ออกเอกสารว่า กกต.ได้พิจารณาความเป็นสมาชิกภาพของนายนวัธ โดยที่ยังไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินการตามมาตรา 82 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญประกอบกับกกต.ก็ไม่มีอำนาจวินิจฉัยการสิ้นสุดลงของสมาชิกภาพ
คณะกรรมจึงมีมติเสียงข้างมากยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของนายนวัธต่อไป
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 5 จ.นครปฐม ว่า จากการถอดบทเรียนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาโดยเฉพาะในหน่วยเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดข้อบกพร่องทางกลุ่มงานภารกิจเลือกตั้ง สำนักงานกกต. จะมีการจัดชุดลงพื้นที่ให้ความรู้แก่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งโดยละเอียด สิ่งที่เป็นห่วงในการเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะเกิดความรุนแรงในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้แต่งตั้งชุดสืบสวนจากส่วนกลางลงพื้นที่หาข่าวว่ามีการซื้อเสียง โดยชุดสืบสวนหาข่าวจะลงไปหาข่าวครอบคลุม เขตเลือกตั้งที่ 5 ทุกพื้นที่
ยึดทรัพย์“เลขาบุญทรง”896ล้าน
วันเดียวกันเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีริบทรัพย์คดีหมายเลขดำ อม. 282/2560 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่17 พ.ค.ที่ผ่านมา คดีที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องให้ศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินของ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือหมอโด่ง จำเลยร่วมคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์โดยศาลพิพากษาให้จำนวน 896,554,760.28 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน