'บี.กริม'วางแผนรุก 'ชิปเปอร์'นำเข้าแอลเอ็นจี
กระแสพลังงานสะอาด ทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ วางเป้าหมายเป็น “ผู้นำพลังงานสะอาดในระดับอาเซียน” ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565
ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า การเติบโตในธุรกิจพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนนั้น นอกจาก ล่าสุด บริษัท ได้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนภาคพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ใน เวียดนาม ที่มีใหญ่สุดในอาเซียน จากการพัฒนาโครงการ DAU TIENG1 และ DAU TIENG2 (DT1& DT2) รวม 420 เมกะวัตต์ สำเร็จแล้วก็ยังมีโอกาสที่ขยายการลงทุนในเวียดนามเพิ่มเติมได้อีก ทั้งโรงไฟฟ้า โซลาร์ ลมและก๊าซธรรมชาติ
รวมถึงการมองเห็นโอกาสการเป็นผู้จัดหาและนำเข้า ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) หรือ ผู้ใช้บริการ (Shipper) โดยอยู่ในขั้นตอนการศึกษาการนำเข้ามาป้อนโรงไฟฟ้าของตัวเอง โดยถ้าหากรัฐบาลเปิดเสรีนำเข้าเต็มรูปแบบ บริษัทก็พร้อมที่จะเข้าสู่ธุรกิจนี้ เพราะเป็นทิศทางของโลก
ที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่เป็นผู้ผลิต LNG รายใหญ่ของโลก เช่น โนวาเทค ก๊าซพรอม การ์ต้า โททาล เชลล์ ได้เข้ามาติดต่อมาถึง บี.กริม เพาเวอร์ เนื่องจากมองเห็นความต้องการใช้ LNG ในอนาคตที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
อีกปัจจัยสำคัญที่ บี.กริม เพาเวอร์ ให้น้ำหนัก คือ เทคโนโลยีการขุดเจาะก๊าซ การขนส่งและการแปรงสภาพก๊าซผ่านเรือขนส่งขนาดเล็ก (FSRU) มีต้นทุนถูกลง ซึ่งต่างจากอดีตค่อนข้างมาก จึงทำให้ทำให้เห็น บี.กริม เพาเวอร์ได้เห็นถึงโอกาส เช่น ตามเกาะต่างๆ ที่ขาดแคลนไฟฟ้า ไม่มีระบบท่อ และสายส่งรองรับ หากรัฐบาลในแต่ละประเทศเปิดกว้าง ก็จะเป็นโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
ขณะนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้ศึกษาโอกาสเป็นผู้จัดหาและนำเข้า LNG ในประเทศที่นโยบายเริ่มเปิดกว้าง เช่น เวียดนาม บังคลาเทศ ซึ่งทำให้การศึกษาดังกล่าวไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น และได้ศึกษาเทคโนโลยีไฮโดรเจนที่ทางยุโรปได้ตื่นตัว เพื่อหวังที่จะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในอนาคตด้วยหากสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้
อีกทั้ง ในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ที่ไม่ใช่แค่ลิเทียมไอออน แต่ดูไปถึงคอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งเชื่อว่าโลกจะถูกบังคับให้หันมาเรื่องของพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง จะทำให้เทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น อียู กำหนดปี 2030 ต้องลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
ดังนั้น บี.กริม เพาเวอร์ มองว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มีอยู่นั้น เดินมาถูกทางทั้งก๊าซ ที่เป็นพลังงานสะอาดสุดใน เชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานทดแทน ที่มีอยู่ในพอร์ตการลงทุน ซึ่งไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปและมีกฎเกณฑ์อย่างไรแต่บริษัทจะยังอยู่ในเทรนด์