'โนเบิล’เดินสายโรดโชว์ ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนสถาบัน
ผู้บริหาร "โนเบิล"จ่อเดินสายโรดโชว์กองทุนในประเทศ หลังประกาศงบไตรมาส3 มั่นใจผลดำเนินงานปีนี้เข้าเป้า แจงราคาหุ้นร่วงแรง เพราะนักลงทุนขายทำกำไร ด้านโบรกเกอร์ ยังแนะนำเข้าซื้อ มองข่าวดีร่วมพัฒนาโครงการใหม่กับ“บีทีเอส"
ราคาหุ้นบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ NOBLE วานนี้ (10 ต.ค.) ปรับตัวลดลงแรงกว่า 10 % ในช่วงบ่ายของวัน ก่อนรีบาวด์ปรับขึ้นมา และปิดตลาดที่ 21.80 บาท ลดลง 2.10บาท หรือ 8.79 % มูลค่าซื้อขาย 375.25 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบรายการขายหุ้นบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) จำนวน 2 รายการ รวม13.69 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 23 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าราคาในกระดาน
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวลดลงแรง คาดว่าเกิดจากนักลงทุนขายทำกำไรหุ้นของบริษัทออกมา เพราะเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.81 % ส่วนรายการบิ๊กล็อตนั้น เป็นไปตามกระบวนการที่บริษัทจะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ตามที่เคยให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าบิ๊กล็อตที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นการขายให้ใคร เพราะบริษัทจะต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ก่อน
ทั้งนี้หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562 บริษัทจะเดินสายนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ประมาณ 7-8 กองทุน เพื่อให้ข้อมูลผลการดำเนินงาน และแผนงานในอนาคต โดยมั่นใจว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลัง จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 4,517ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,473ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่รอรับรู้รายได้ (backlog) ในครึ่งปีหลังอีก 29 % จากสิ้นไตรมาส 2 ปี2562 อยู่ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท ทำให้มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้นโนเบิลปรับตัวลลง แต่ในช่วงก่อนหน้าที่ได้เข้าไปรับฟังข้อมูลจากบริษัท ทางผู้บริหารให้ข้อมูลว่า ราคาหุ้นของบริษัทจะผันผวน ซึ่งไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้น จากนายกิตติ ธนากิจอำนวย จะขายหุ้นออกมาให้กับนายธงชัย และ แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง
ทั้งนี้หากประเมินตามปัจจัยพื้นฐาน ยังคงแนะนำให้ซื้อ แม้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว เนื่องจากมีข่าวดีรองรับ เช่นการมีบมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เข้ามาถือหุ้น จะทำให้มีการร่วมมือกันในการพัฒนาคอนโดมิเนียม เนื่องจากมีที่ดินย่านรถไฟฟ้าหลายสาย ที่จะมีการพัฒนาในอนาคต ประกับบริษัทเน้นไปขายต่างประเทศ จากที่ นายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง มีความเชี่ยวขาญด้านนี้ โดยให้ราคาเหมาะสม ที่ 32.94 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E เพียง 6 เท่า