จนท.เร่งหาสาเหตุไฟไหม้อาคารสถานทูตอินโดนีเซีย

จนท.เร่งหาสาเหตุไฟไหม้อาคารสถานทูตอินโดนีเซีย

"รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ระบุว่า จนท.กำลังเร่งหาสาเหตุของเพลิงไหม้อาคารภายในสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย คาดอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

เมื่อวันที่ 11 ต.ค.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้อาคาร ภายในสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ในพื้นที่ สน.พญาไท ได้รับรายงานจาก สน.พญาไท ว่าเวลาประมาณ 12.35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ อาคารภายในสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิด อีกทั้งได้ประสานไปยัง เจ้าหน้าที่ดับเพลง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร รถดับเพลิง ร่วมกันควบคุมเพลิงไหม้

ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง โดยในเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุเพลิงไหม้ อาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง เพื่อเข้าตรวจสอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้โดยละเอียดอีกครั้ง อีกทั้งได้ประสานไปยังสำนักงานเขตราชเทวีเพื่อร่วมตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารต่อไป

รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของระบบไฟฟ้า ของอาคารทุกสถานที่ ขอให้หมั่นตรวจสอบ ระบบไฟฟ้า เครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้พร้อมใช้งาน และอยู่ในลักษณะที่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันอัคคีภัยที่จะเกิดขึ้นได้

 

โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าต้นเหตุในการเกิดเพลิงไหม้อาจเกิดจากระบบไฟฟ้าภายในอาคารลัดวงจร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้งไป และจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฎตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือประชาชน ระงับเหตุเพลิงไหม้ อพยพประชาชนออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็วและปลอดภัย พร้อมกันพื้นที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบโครงสร้างอาคาร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำขึ้นมาอีก

อีกทั้ง ยังได้กำชับพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ สอบสวนให้สิ้นกระแสความ ในการหาสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและสามารถตอบคำถามสังคมได้ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน สนับสนุนหาข้อมูลพยานหลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวในทุกมิติแก่พนักงานสอบสวน ดำเนินการบูรณาการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นระบบ