“เซ็นทารา-ดุสิตฯ-ออนิกซ์” ลุยปักธงโรงแรมแดนซามูไร
นอกจากจะเป็นดาวรุ่งในฐานะจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว “ญี่ปุ่น” ยังเป็นจุดหมายในฝันของ “ธุรกิจเชนโรงแรมสัญชาติไทย” เข้าไปลงทุนและรับบริหารเพื่อดักโอกาสนักท่องเที่ยว
หลังการเติบโตของดีมานด์นักท่องเที่ยวดีมาก ในระยะเวลาเพียง 10 ปีมียอดชาวต่างชาติเที่ยวญี่ปุ่นกระโดดจาก 7 ล้านคนในปี 2552 พุ่งเป็น 31 ล้านคนในปี 2561 โดยมีนักท่องเที่ยวไทยกว่า 1.13 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศชัดว่าภาคท่องเที่ยวยังโตได้อีก ตั้งเป้าปี 2563 ที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพจัด “โอลิมปิก 2020” ไว้ที่ 40 ล้านคน และตั้งมั่นทุบสถิติต่อเนื่อง กระโดดแตะ 60 ล้านคนในปี 2573
เซ็นทารา เจแปน
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เล่าว่า จากการเติบโตดีของภาคท่องเที่ยว เครือเซ็นทาราจึงเห็นโอกาสพัฒนาโรงแรมบนแดนซามูไร ด้วยการจัดตั้งบริษัทใหม่ในญี่ปุ่นชื่อ “เซ็นทารา เจแปน” จับมือร่วมทุนกับพันธมิตร 2 รายในญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ “เซ็นทารา โอซาก้า สเปซิฟิค เพอร์เพอร์ส” เพื่อพัฒนาโรงแรม “เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า”
วางมูลค่าลงทุนรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเซ็นทารา เจแปนกำสัดส่วนใหญ่ที่ 51% ขณะที่อีก 49% แบ่งเป็นของไทเซอิ คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในบริษัทก่อสร้างที่เก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น 25.5% และคันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือคันไซ อิเลกทริค เพาเวอร์ ถือสัดส่วนที่ 23.5%
“ถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญของเครือเซ็นทาราในการลงทุนและพัฒนาโรงแรมที่ญี่ปุ่น”
ธีระยุทธ ยังฉายเหตุผลเพิ่มว่า ที่เลือกปักธงโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ขนาด 515 ห้องพัก ความสูง 34 ชั้น ภายใต้สัญญาเช่าที่ดินรวม 55 ปีใจกลางย่านนัมบะ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองโอซาก้าและภูมิภาคคันไซ เพราะโอซาก้าถือเป็นหนึ่งใน “เกตเวย์” สำคัญของโลก คึกคักทั้งการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีแหล่งท่องเที่ยวระดับแม่เหล็กมากมาย เช่น ธีมปาร์คขึ้นชื่ออย่างสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ รวมถึงเมืองท่องเที่ยวรอบข้าง ทั้งเกียวโต โกเบ และนารา ได้ลูกค้าทั้งนักธุรกิจ นักเดินทางไมซ์ (ประชุมสัมมนา) และนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากเอเชียทั้งจีน เกาหลี และไทย
คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงแรมฯได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2563 เปิดให้บริการกลางปี 2566 แล้วเสร็จทันเมกะอีเวนต์อย่างงานแสดงนิทรรศการใหญ่ที่สุดในโลก “เวิลด์ เอ็กซ์โป” ที่โอซาก้าเป็นเจ้าภาพจัดในปี 2568 โดยนอกจากโอซาก้าแล้ว เซ็นทาราเจแปนยังสนใจพัฒนาโรงแรมในอีกหลายเมือง เช่น โตเกียว เกียวโต รวมถึงฮอกไกโด
ด้าน ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เผยว่า มีแผนพัฒนาโรงแรมใหม่ในย่านอากิฮาบาระ กรุงโตเกียว โดยจะเป็นการลงทุนเอง 100% ใช้แบรนด์โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ “อาศัย” (ASAI) ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ของเครือดุสิตฯ มุ่งเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลส์ และยังเป็นหนึ่งในโรงแรมอาศัย 3 แห่งแรกในต่างประเทศที่วางกำหนดเปิดให้บริการในปี 2564 ต่อคิวจากโรงแรมอาศัย 2 แห่งแรกในไทยที่เยาวราชและสาทรซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2563
ส่วนอีกหนึ่งโครงการอย่างโรงแรมดุสิตธานีที่เกียวโต ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับคัลเลอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “ดุสิต คัลเลอร์ส” ไปเมื่อปี 2560 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
ฟาก ดักลาส มาร์เทล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป อีกหนึ่งเชนโรงแรมไทยของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย บอกว่า การขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรมไปในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญของเครือออนิกซ์ โดยเตรียมเปิดให้บริการโรงแรม “อมารี นิเซโกะ” เป็นแห่งแรกในปี 2567 ตั้งอยู่บนเกาะฮอกไกโด ขนาด 126 ห้องพัก หลังได้ลงนามความร่วมมือกับ เมโทรโพลี โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติฮ่องกง โดยรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น
สำหรับที่ตั้งจะอยู่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส บนถนนอารุกุ-ซากะ ที่ได้รับการออกแบบให้เข้ากับคุณลักษณะและที่ตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ของบริเวณพื้นที่ฮิราฟุ โดยโครงการมิกซ์ยูสนี้จะประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารชั้นเตี้ย ตั้งอยู่ล้อมรอบจตุรัสและทางเดินเท้า พร้อมต้อนรับผู้คนในชุมชนและนักท่องเที่ยวจากต่างเมือง ทำให้ถนนอารุกุ-ซากะกลายเป็นศูนย์รวมตัวเลือกด้านไลฟ์สไตล์ ร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่พักอาศัยและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์อมารีโฉมใหม่