ผ่าโรดแมพแยกโต ‘คาซ่าลาแปง’ เล็งปักหมุดเมืองท่องเที่ยวโลก

เอกชัย สุขุมวิทยาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีนส์ แอนด์ บราวน์ จำกัด เจ้าของแบรนด์สเปเชียลคอฟฟี่ “คาซ่า ลาแปง- Casa lapin" และ “แรบบ์ คอฟฟี่-Rabb Coffee"  ใช้ห้วงเวลานี้ปรับโครงสร้าง-วางโมเดลธุรกิจใหม่!! ก่อนเปิดเกมรุกระลอกใหญ่ทั้งตลาดไทยและต่างประเทศ

เอกชัย กล่าวว่า ธุรกิจร้านกาแฟแนวสเปเชียลตี้คอฟฟี่ หรือร้านที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร!! มีดีมานด์สูงจากบรรดา “แลนด์ลอร์ด” เพื่อเป็นหนึ่งในแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า ขณะที่ “คอฟฟี่เลิฟเวอร์” ต่างมองหาประสบการณ์ใหม่ และยกระดับการดื่มกาแฟจากความคุ้นชินเดิมๆ สู่ความพิเศษทั้งด้านรสชาติ บรรยากาศ ที่แตกต่างไปจากร้านกาแฟทั่วไป เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ คาซ่า ลาแปง 

โดยตลาดเมืองไทย ตั้งเป้าขยายไม่เกิน 3 สาขาต่อปี เน้นการลงทุนเอง จากปัจจุบันเปิดบริการ 13 สาขา  อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ สุขุมวิท 26 ลาดพร้าวฮิลล์ พัทยา ซัมเมอร์ฮิลล์ แอทยูพาร์ค บางนา เอกชัย มองว่า แม้ตลาดดูเหมือนโตเร็ว แต่ด้วยความเป็น “ยูนีค” ทั้งธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภค หากจะก้าวไปเร็วกว่าตลาดอาจไม่คุ้ม!! ดังนั้นขุมพลังที่มีจะนำไปบุกตลาดนอกบ้าน ซึ่งมีโอกาสขนาดใหญ่รออยู่น่าจะดีกว่า

“เวลานี้ร้านกาแฟสเปเชียลตี้คอฟฟี่สัญชาติไทย คาซ่า ลาแปง มีความลงตัว และพร้อมก้าวออกนอกบ้าน!!”

แผนขยายตลาดต่างประเทศ จะเป็นการให้ “มาสเตอร์แฟรนไชส์” นักลงทุนท้องถิ่น เบื้องต้น 3 ปีแรก วางก้าวรุกซีแอลเอ็มวี และเอเชีย  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรในสิงคโปร์ และพนมเปญ คาดว่าอาจได้เห็นสาขาแรกในปี 2563 

สิงคโปร์เป็นไฟแนนซ์เชียลฮับของเอเชีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับร้านกาแฟพรีเมียม ซึ่งพบว่ามีฐานลูกค้าคาซ่า ลาแปง ในสิงคโปร์พอสมควร เช่นเดียวกับ “พนมเปญ” เป็นฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจำนวนมาก 

ทั้งนี้ การเปิดบริการ “คาซ่า ลาแปง“ ที่ศูนย์การค้า ”เซ็นทรัลเวิลด์” ซึ่งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นวินโดว์ดิสเพลย์สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์!! ได้เป็นอย่างดี และจะถูกใช้เป็นสปริงบอร์ดในการปักหมุดมุ่งหน้าสู่ “เมืองท่องเที่ยวระดับโลก”  เริ่มจากเอเชีย เช่น โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โซล เกาหลี ไทเป ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย  

เอกชัย ยังมองไกลถึงตลาดยุโรป ซึ่งมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ!! เป็นบิ๊กชาเลนจ์ในอนาคตที่ต้องการก้าวไปปักหมุดสร้างชื่อแบรนด์สัญชาติไทย

ย้อนกลับสำหรับการขยายตลาดในประเทศไทย ปัจจุบัน คาซ่า ลาแปง มีร้าน 3 โมเดลหลัก ได้แก่ Full Coffee Cafe  เป็นคาเฟมีบริการครบทั้งกาแฟ ขนม และอาหารแบบง่าย พื้นที่ 100-180 ตร.ม. Coffee&Desserts Cafe เป็นคาเฟ่ที่มีกาแฟและขนม และ Coffee&Eatery (XL) เป็นคาเฟ่ที่มีครบทั้งกาแฟ ขนม และอาหารแบบ Full Service พื้นที่ 400 ตร.ม. 

ล่าสุดได้พัฒนาเรือธงใหม่ในคอนเซปต์  “เอ็กซ์เพรส” ใช้พื้นที่ 15-30 ตร.ม. ลงทุนไม่เกิน 2 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น “70 บาท” เทียบร้านใหญ่ราคาเริ่มต้น 100 บาท เน้นเจาะย่านชุมชน อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล แม้กระทั่งศูนย์การค้า ซึ่งจะเห็นว่าบางแบรนด์มีหลายสาขาในศูนย์การค้าเดียว โดย คาซ่า ลาแปง เอ็กซ์เพรส ได้เปิด 2 สาขาไพลอตโปรเจคในโคเวิร์กกิ้งสเปซของสเปสเซส 

สำหรับ บีนส์ แอนด์ บราวน์ ถือหุ้น 60% โดย บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในเครือเจมาร์ท ของ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ผู้ขับเคลื่อนอาณาจักรร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและมือถือ “เจมาร์ท” ซึ่งยังมีกิจการครอบคลุมธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริหารและติดตามหนี้ และ ซิงเกอร์ 

แน่นอนว่าพลังทุน โนว์ฮาว ของ คาซ่า ลาแปง ไม่น้อยหน้าใคร!! การขับเคลื่อนธุรกิจยังจะซินเนอร์ยีเทคโนโลยีสร้างความแข็งแกร่งในการทำตลาดซีอาร์เอ็มและลอยัลตี้โปรแกรมผ่าน “แอพพลิเคชั่น” เตรียมเปิดตัวเฟสแรกปลายปีนี้

หากอยากให้ลูกค้าใช้บริการเราได้ทุกวัน การมีแอพพลิเคชั่นเชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยได้มาก!! นอกเหนือจากโปรดักท์ที่ดี ราคาที่เข้าถึงแบบ “กินได้ทุกวัน” รวมทั้งการสร้าง Storytelling เป็นองค์ประกอบตอบโจทย์ความยั่งยืนทางธุรกิจท่ามกลางคำปรามาสธุรกิจกาแฟที่มาเร็วไปเร็ว 

บิ๊กสเต็ป ภายใต้แผน 5 ปี บีนส์ แอนด์ บราวน์ ยังจะนำธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย

• ปั้น‘แรบบ์คอฟฟี่’ ปูพรม 100 สาขาใน 5 ปี

“แรบบ์คอฟฟี่” เป็นอีกแบรนด์เรือธงขยายอาณาจักรร้านกาแฟของบีนส์แอนด์บราวน์ จาก 4 สาขาในปัจจุบันบนบีทีเอสศาลาแดง พญาไท เดอะแจสรามอินทรา และสุรวงศ์ วางเป้าหมายแจ้งเกิด 100 สาขาภายใน 5 ปีจากนี้ ด้วยระบบแฟรนไชส์ลงทุนต่ำราว 1 แสนบาท! ส่งกาแฟพรีเมียม “60บาท” เป็นทางเลือก 

เรียกว่าให้ทั้ง “คู่ค้า” หรือนักลงทุนรายย่อย และ “ลูกค้า” เลือกเราแทนแทนที่จะเลือกคนอื่น จะมาสร้างปรากฎการณ์เขย่าตลาดไตรมาส 2 ปีหน้าแน่นอน