ปิโตรขาลง! ไออาร์พีซีพลิกขาดทุน 1.3 พันล้าน
ปิโตรเคมีเข้าสู่ขาลง "ไออาร์พีซี" แจ้งงบไตรมาส 3 พลิกขาดทุนกว่า 1.3 พันล้านบาท หลังรายได้หดตามราคาขายที่ลดลง กดมาร์จิ้นร่วง และขาดทุนสต็อก
บริษัทไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) หรือ IRPC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2562 ขาดทุนสุทธิ 1,321 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิ 2,560 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังรายได้จากการขายสุทธิ 54,264 ล้านบาท ลดลง 21% ส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาขายปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยการใช้น้ำมันดิบเข้ากลั่นอยู่ที่ 193,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 5%
ขณะที่มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) จำนวน 5,563 ล้านบาท หรือ 10.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 2,104 ล้านบาท หรือ 27% ส่วนใหญ่จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมีปรับตัวลดลงจากผลกระทบของสงครามการค้า รวมถึงต้นทุน Crude Premium เพิ่มสูงขึ้น
ประกอบกับ กำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิลดลง 2,404 ล้านบาท จากกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 1,071 ล้านบาทในไตรมาส 3/2561 พลิกมาเป็นขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 1,333 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) มีจำนวน 4,230 ล้านบาท หรือ 7.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 4,508 ล้านบาท หรือ 52%
ขณะที่มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 738 ล้านบาท ลดลง 4,520 ล้านบาท หรือ 86% นอกจากนี้กำไรจากการลงทุนลดลง 95 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิจำนวน 166,240 ล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยอัตราการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 200,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 9,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากโรงงาน RDCC และโรงกลั่นน้ามัน (ADU 1) หยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาสที่ 1/62 และไตรมาสที่ 3/62 ตามลำดับ
บริษัทมี Market GIM จำนวน 15,950 ล้านบาท หรือ 9.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 8,779 ล้านบาท หรือ 36% เนื่องจากส่วนต่างราคาปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก จากผลกระทบของสงครามการค้า การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่ รวมถึงการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยบริษัทมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิรวม 122 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิรวม 3,490 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ Accounting GIM มีจำนวน 15,828 ล้านบาท หรือ 9.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 12,391 ล้านบาท หรือ 44%
ขณะที่รายได้อื่น ๆ มีจำนวน 1,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการรับเงินค่าปรับจากการรับประกันผลงานก่อสร้างของโครงการ UHV ค่าใช้จ่ายดำเนินงานมีจำนวน 10,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 391 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 5,397 ล้านบาท ลดลง 70% ส่งผลให้ในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิจำนวน 661 ล้านบาท ลดลง 107% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ณ วันที่ 30 ก.ย.62 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 177,920 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 93,005 ล้านบาท และ มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 84,915 ล้านบาท