สหรัฐตั้งข้อหาอดีตพนง. ‘ทวิตเตอร์’ ล้วงข้อมูล

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ แถลงในวันพุธ (6 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า นายอาลี อัลซาบาราห์ และนายอาหมัด อาบูอัมโม อดีตพนักงานทวิตเตอร์ 2 คนและนายอาเหม็ด อัลมูไตรี เจ้าหน้าที่การตลาดที่มีสายสัมพันธ์กับราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ถูกตั้งข้อหาทำงานให้กับรัฐบาลซาอุดีอาระเบียโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นตัวแทนต่างชาติ

คำฟ้องของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า นายอาบูอัมโมซึ่งเป็นพลเมืองอเมริกัน เจาะเข้าบัญชีทวิตเตอร์ของผู้วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียคนสำคัญคนหนึ่งหลายครั้งช่วงต้นปี 2558 และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในบัญชีทวิตเตอร์ของผู้วิจารณ์ชาวซาอุดีอาระเบียอีกหนึ่งคน ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ระบุตัวและหาตำแหน่งของผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ทวีตโพสต์ต่าง ๆ

ขณะเดียวกัน นายอัลซาบาราห์ใช้ความน่าเชื่อถือในตำแหน่งของตน เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทวิตเตอร์กว่า 6,000 ราย รวมถึงบัญชีทวิตเตอร์ผู้วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียคนสำคัญจำนวนหนึ่ง

นายอาบูอัมโมทำงานให้ทวิตเตอร์ระหว่างเดือน ส.ค. 2556 ถึงเดือน พ.ค. 2558 ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพาร์ทเนอร์สื่อประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ขณะที่นายอัลซาบาราห์ซึ่งเป็นพลเมืองซาอุดีอาระเบีย ทำงานให้ทวิตเตอร์ระหว่างเดือน ส.ค. 2556 ถึงเดือน ธ.ค. 2558 ในตำแหน่งวิศวกรด้านความน่าเชื่อถือของหน้าเว็บไซต์

นายอาบูอัมโมถูกจับกุมที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ส่วนนายอัลมูไตรีทำหน้าที่คนกลางระหว่างรัฐบาลซาอุดีอาระเบียกับอดีตพนักงานทวิตเตอร์ทั้งสองคน เจ้าหน้าที่สหรัฐเชื่อว่าขณะนี้ นายอัลมูไตรีและนายอัลซาบาราห์อยู่ในซาอุดีอาระเบีย

คำฟ้องระบุด้วยว่า นายอาบูอัมโมได้รับเงินสดกว่า 300,000 ดอลลาร์และนาฬิกาหรู “อูโบลต์” มูลค่ากว่า 200,000 ดอลลาร์อีก 1 เรือนเป็นค่าตอบแทนสำหรับงานนี้ ขณะที่ค่าตอบแทนของนายอัลซาบาราห์ ทางการสหรัฐยังไม่มีข้อมูล แต่มีข้อมูลว่าเขาหนีออกจากสหรัฐพร้อมกับครอบครัวทันทีในเดือน ธ.ค. 2558 หลังถูกทวิตเตอร์จับได้ว่าแอบล้วงข้อมูลผู้ใช้งาน

หากมีความผิดจริง ทั้งสามคนจะเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับเงิน 250,000 ดอลลาร์ นายอาบูอัมโมจะถูกลงโทษจำคุกเพิ่มอีก 20 ปี และปรับเงิน 250,000 ดอลลาร์ ฐานให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่สำนักสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ)

ด้านบริษัททวิตเตอร์แถลงขอบคุณเอฟบีไอและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และว่าบริษัทตระหนักดีว่ากลุ่มผู้ประสงค์ร้ายจะหาทางบ่อนทำลายบริการของทวิตเตอร์ และตระหนักดีถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ต้องการแบ่งปันทัศนะกับโลกภายนอกและต้องการให้ผู้มีอำนาจต้องรับผิดชอบ