รวบ4 ผู้ต้องหาแก๊งค์ 'ขายน้ำมะพร้าว' นำเด็กมาเร่ขายน้ำมะพร้าวที่ภูเก็ต
รวบ 4 ผู้ต้องหาแก๊งค์ “ขายน้ำมะพร้าว” นำเด็กมาเร่ขายน้ำมะพร้าวที่ภูเก็ต เข้าข่ายค้ามนุษย์ จี้ทุกพื้นที่กวาดล้างจับกุมต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีนำเด็กมาขายน้ำมะพร้าว ในฐานความผิดการค้ามนุษย์ โดยกระทำแก่บุคคลอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี ในพื้นที่สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ และ สภ.เมืองภูเก็ต โดยมี พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง, พ.ต.อ.วิทูรย์ กองสุดใจ และพ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง, นายกิตติ อินทรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต, นางสาวอัจฉรา สุระกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพคส.ตร.) และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าร่วม
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากฝ่ายปกครองว่า มีเด็กหญิงอายุประมาณ 10 -12 ปี มาเดินเร่ข่ายน้ำมะพร้าว บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ จากนั้นได้เชิญเด็กไปสอบถามและแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม แต่ต่อมาได้มีข่าวไปทางสื่อต่างๆ ว่ามีผู้ไปร้องเรียนกับสื่อมวลชน ว่า เจ้าหน้าที่กักตัวเด็กที่พามาเร่ขายน้ำมะพร้าวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 5 คน ทั้งที่เด็กเหล่านั้นมาทำงานในช่วงปิดเทอมและหารายได้ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ภายหลังจากมีข่าวออกไปตามสื่อต่างๆ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมสั่งการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า ทำไมคดีไม่มีความคืบหน้าและมีการกล่าวหากันไปมา จากนั้นได้มอบหมายให้ ศพคส.ตร. จัดชุดมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยเหลือการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
“จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาและลงความเห็นว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และให้ทางพนักงานสอบสวนจังหวัดภูเก็ตทำการขอหมายจับผู้กระทำผิดจากศาลจังหวัดภูเก็ต และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวจำนวน 4 คน ซึ่งอาศัยอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฯ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้เรียบร้อยแล้ว ที่ จ.นครศรีธรรมราช และอยู่ระหว่างการนำตัวมาสอบสวนขยายผลที่ จ.ภูเก็ต ตามขั้นตอนต่อไป”
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า กรณีเด็กขายน้ำมะพร้าว การดำเนินการจะใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ร่วมด้วยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ที่อนุญาตให้นำเด็กมา โดยเน้นการเยียวยาและแก้ไขปัญหาสังคม ส่วนของคนที่นำพาเด็กมาเพื่อแสวงหาประโยชน์ และได้รับประโยชน์จะต้องดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ ซึ่งจะมีการดำเนินการตรวจสอบกวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดลักษณะนี้ขึ้นอีก จากนี้การนำเด็กมาใช้ประโยชน์จะต้องไม่มี ไม่ว่าจะทำโดยพ่อแม่หรือญาติ หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะกฎหมายค้ามนุษย์ไม่มียกเว้น จึงขอว่าอย่าทำ ไม่เฉพาะจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น แต่รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ด้วย “จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหามีรายได้เดือนละกว่า 1 แสนบาท ขณะที่เด็กต้องทำงานวันละกว่า 10 ชั่วโมงและได้นอนพักผ่อนวันละ 4-5 ชั่วโมง เป็นการทำงานที่ค่อนข้างหนักมากและเสี่ยงอันตราย ได้ค่าจ้างวันละประมาณ 200-400 บาท โดยจะโอนไปให้พ่อแม่เด็ก นอกจากนี้ยังมีการทำร้ายและทุบตีทำให้เด็กขวัญผวา มีการใช้งานเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด และบังคับเด็กขายของซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ฉะนั้นจะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะหากปล่อยไปเด็กกลุ่มนี้ไปก็จะกลายเป็นเด็กที่ไม่มีคุณภาพในอนาคต และเป็นปัญหาของประเทศชาติ เนื่องจากไม่ได้เรียนหนังสือ ทำให้ไม่ได้รับการพัฒนาทางด้านจิตใจและสติปัญญา ซึ่งพ่อแม่จะอ้างเหตุที่ให้ลูกมาทำงานว่ายากจนไม่ได้ เพราะผู้ปกครองมีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูเด็ก และเด้กจะต้องได้เรียนหนังสือ หรือหากมีปัญหาจริงๆ ก็ให้ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะจริงๆ แล้วเรามีงานมากแต่คนไทยไม่ทำ ขณะที่มีต่างชาติเข้ามาทำงานจำนวน 3.8 ล้านคน ”
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการระดมกวาดล้างผู้ที่นำหรือแสวงหาประโยชน์จากเด็กเพิ่มเติมในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต ร่วมออกปฏิบัติการ พบการนำเด็กมาแสวงหาประโยชน์เพิ่มอีก 4 ราย โดยผู้ปกครองพามาขายของในพื้นที่ต่างๆ โดยเป็นเด็กหญิงอายุ 7 ปี ซึ่งยายพามาเดินขายผลไม้ รายที่ 2เด็กหญิงอายุ 9 ปี แม่พามาขายดอกไม้ รายที่ 3 เด็กอายุ 7 ปี พ่อเลี้ยงพามาขายพวงมาลัย และรายที่ 4 เด็กหญิงอายุ 10 ปี พี่สาวพามาขายดอกไม้ รายที่ 5 เป็นต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 2 รายมาเร่ขายของซึ่งผิดกฎหมาย เพราะต่างด้าวไม่สามารถมาเร่ขายได้ ซึ่งในส่วนนี้มุ่งเน้นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก แต่ในการสอบเบื้องต้น ยังไม่เข้าข่ายความผิดการค้ามนุษย์ และไม่ว่าจะเป็นแก็งค์ใดๆ ก็จะต้องมีการกวาดล้างจับกุมให้หมดไป