สงครามราคาฉุด 'เอเอวี' ขาดทุน 416 ล้าน

รายงานข่าวจาก บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 416.6 ล้านบาท ตามสถานการณ์ท่องเที่ยวภาพรวมที่กำลังฟื้นตัว โดยขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 5.28 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 81 เท่ากันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาส 3 ปี 2562 ของ AAV มีรายได้รวม 9,661.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น/ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4 โดยขาดทุนสุทธิ 416.6 ล้านบาท ในขณะที่ TAA มีรายได้รวม 9,661.4 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิ 760.6 ล้านบาท

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 เริ่มฟื้นตัวจากไตรมาสที่แล้ว สะท้อนจากจำนวนท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีน แต่ยังถูกกดดันจากการแข่งขันด้านราคาและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยของชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตามไทยแอร์เอเชียยังคงมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบ ทั้งการเพิ่มรายได้จากบริการเสริมพิเศษ การเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ผ่านการรับเครื่องบินรุ่นใหม่แอร์บัส เอ321 นีโอ มาร่วมฝูงบินในสิ้นปีนี้ ซึ่งเครื่องบินรุ่นใหม่จะมีจำนวนที่นั่งที่เพิ่มมากขึ้นและประสิทธิภาพในการประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิง ทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ถือว่าเป็นฝูงบินสำหรับอนาคตที่เหมาะกับกลยุทธ์ในการเติบโตสู่ความยั่งยืน

นอกจากนี้ แอร์เอเชียยังตอกย้ำการเป็นสายการบินแห่งดิจิทัล โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาให้บริการผู้โดยสาร ช่วยลดต้นทุนในการจัดการและบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมุ่งมั่นพัฒนารักษามาตรฐานเเละสร้างความเเข็งเเกร่งอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการได้รับเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืน THSI ประจำปี 2562 เป็นครั้งเเรก ตอกย้ำความน่าลงทุน เอื้อประโยชน์ให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

แม้ว่าในไตรมาสนี้ ไทยแอร์เอเชียยังไม่มีการรับเครื่องบินใหม่เพิ่ม แต่ยังพร้อมเติบโตสร้างโอกาสใหม่ในตลาดอินโดจีน เปิดบริการเส้นทางบินใหม่จากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง) สู่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา พร้อมปรับแผนปริมาณที่นั่งเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

สำหรับในไตรมาส 4 ปี 2562 ไทยแอร์เอเชียยังเดินหน้าต่อไปตามแผนที่วางไว้ และเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการที่ดียิ่งขึ้นในฤดูกาลท่องเที่ยวที่สำคัญ พร้อมรับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ โดยปรับเป้าจำนวนผู้โดยสารตลอดปีอยู่ที่ 22.5 ล้านคน อัตราขนส่งผู้โดยสารร้อยละ 86 พร้อมมีแผนรับเครื่องบินใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากขึ้นเข้าประจำการฝูงบิน รวมเป็น 62 ลำ ณ สิ้นปี