ลุ้นบอร์ดวัตถุอันตราย ออกประกาศแบน 3 สารทันเดดไลน์ 1 ธ.ค. 62

ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดก่อน มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร ไปจัดทำประชาพิจารณ์ มาตรการรองรับผลกระทบ และยกร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ คลอร์ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต จากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 4 ซึ่งจะมีผลให้ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก และมีไว้ครอบครองนั้น 

แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ล่าสุดในวานนี้ (19 พ.ย.) กระทรวงเกษตรได้ส่งหนังสือกลับมา แต่ปรากฏว่าส่งมาเพียงหนังสือหน้าเดียว โดยไม่มีรายงานมาตรการรองรับผลกระทบ ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติให้ไปจัดทำ ส่วนผลการรับฟังความคิดเห็นก็พบว่ามีผู้คัดค้านมากกว่าเห็นด้วย จึงดำเนินการประสานงานกับ

กระทรวงเกษตรฯ เพื่อขอเอกสารเพิ่มก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน เพื่อพิจารณายกเลิกการใช้ 3 สารเคมีนี้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กระทรวงเกษตรฯส่งหนังสือมาแล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมจะนัดประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย จากนั้นก็จะนำหนังสือที่กระทรวงเกษตรตอบกลับมาส่งให้ที่ประชุมพิจารณา หากคณะกรรมการฯเห็นด้วยก็จะส่งร่างประกาศกำหนดให้ 3 สารเคมีเป็นวัตถุอันตรายจากชนิดที่ 3 เป็นชนิดที่ 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงนาม เพื่อประกาศเป็นกฎกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีต่อไป

ทั้งนี้หากไม่ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการฯ ก็จะส่งมายังคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายลูกตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พิจารณาใหม่ ซึ่งคณะอนุฯนี้จะมีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาร่วมพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 วัน หากเกิน 1 วันก็จะเร่งนัดวันพิจารณาให้เสร็จเร็วที่สุด จากนั้นก็ส่งกลับไปให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอีกครั้ง

“มองว่าการที่กระทรวงเกษตรฯส่งหนังสือมาเพียงหน้าเดียวจะมีข้อมูลไม่เพียงพอ เพราะการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานควรจะมีความครบถ้วนมากกว่านี้ ส่วนจะประกาศแบน 3 สาร ทันในวันที่ 1 ธ.ค. นี้หรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้”

   

อ่านข่าว-'เกษตร'เคลียร์สต๊อก 3 สาร ยันยังไร้ชื่อบริษัทรับทำลาย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ว่า หลังกรมวิชาการเกษตรจะส่งเรื่องกลับมา และตนเองจะได้กำหนดวันและเรียกประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ ที่มีผลตามกฏหมายฉบับใหม่ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.2562 เป็นต้นมา

“กรมวิชาการเกษตรต้องเสนอมาทั้งระบบ ส่วนที่กรมวิชาการเกษตร จะยกร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมมานั้น ตามขั้นตอนหากที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเห็นชอบ ก็จะต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อเห็นชอบแล้ว จะมีผลก็เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา”

หากรัฐบาลให้ยกเลิกการใช้และห้ามครอบครอง ทำไมจะต้องไปทำลายสารด้วย ในเมื่อบอกว่ายังมี 3 สารนี้ในตลาดอยู่ 30,000-40,000 ตัน ค่าทำลายตันละ 100,000 บาท รวมแล้วถ้าทำลายต้องใช้เงินร่วม 3,000 ล้านบาท ก็ไม่เห็นต้องทำลายและแก้ไขโดยสารส่งกลับไปยังประเทศที่นำเข้ามาก็ได้แล้ว

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบรายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมตลอดทั้งการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีกรมวิชาการเกษตรดำเนินการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายพาราควอต (paraquat) ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่อาจจะประกาศห้ามใช้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่า หลังจากที่ร่วมกับ 10 สมาคมทำหนังสือถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงความกังวลการยกเลิกใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ต่อการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ข้าวสาลีจากต่างประเทศ ที่ปัจจุบันมีการใช้สารไกลโฟเซต อย่างเปิดเผยและไม่สามารถลดปริมาณตกค้างเหลือ 0 % ได้ อย่างบราซิล สหรัฐอเมริกา และอาร์เจนตินา

นายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้เลี้ยงไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า เมื่อไทยนำเข้ากากถั่วไม่ได้ ไทยจะไม่สามารถเลี้ยงไก่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากอาหารไก่จะใช้ถั่วเหลืองเป็น โปรตีน ไม่สามารถใช้ปลาป่นมาทดแทนได้ ซึ่งปัจจุบันอยากรู้นโยบายรัฐบาลมาก ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อการใช้สารทั้ง3 ชนิดนี้ เพราะจะนำมาใช้ประกอบการวางแผนรับออเดอร์การส่งออกไก่ในปีหน้า